เรื่องผี ค่ายทหารสุดเฮี้ยน ที่ปัตตานี

เรื่องผี ค่ายทหารสุดเฮี้ยน ที่ปัตตานี

เรื่องผี ค่ายทหารสุดเฮี้ยน ที่ปัตตานี

เรื่องผี ค่ายทหารสุดเฮี้ยน ที่ปัตตานี สวัสดี ผมเป็นทหารที่ปัตตานี มา 5 ปี ตอนนี้อายุ 24 ปี มาอยู่ตั้งแต่ปี 56 ยุคนั้นก็โหดใช้ได้อยู่ เอาเป็นว่าเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ประวัติความเป็นมาของค่ายนี้ โหดหินพอสมควร เริ่มจาก สร้างทับที่ของกูโบ หรือ สุสานของพี่น้องชาวไทยมุสลิม ผมลงมาอยู่ ตอนปี 56 ตอนนั้นอายุ 19 พึ่งจบนายสิบมาใหม่ๆ

ก็นอนกองร้อยก่อน 2 เดือน เพราะต้องเข้าฝึกอบรม หลักสูตรนายสิบใหม่ พอาองเดือนผ่านไป

ก็ได้บ้านพักเป็นของตัวเอง ผมเลือกบ้านที่อยู่ท้ายซอยสุด ติดกับกำแพงค่าย เพราะอยากอยู่ส่วนตัวหน่อย และต้องเรียนปริญญาด้วย ต้องการที่เงียบๆไว้อ่านหนังสือ เพื่อนคนอื่นเขาก็ เลือกบ้านพักที่ใกล้ๆกัน ส่วนผมอินดี้ เลือกบ้านหลังที่อยู่สันโดษ ใกลความวุ่นวาย วันแรกที่ขึ้นบ้านพัก

ทุกคนก็ขึ้นบ้านพักกัน วันแรกรุ่นพี่ ก็จัดงานเลี้ยงให้ ต้อนรับน้องๆ ที่ขึ้นบ้านใหม่กัน ผมก็ตามประสาวัยรุ่น กินเหล้าเมา พอตกดึกเริ่มเมาหนัก ซัก ตี 2 -3 งานเลี้ยงก็เลิก ผมก็เดินกลับมาบ้าน และทำการเข้านอนทันที ไม่มีการจุดธูป ขออะไรทั้งนั้น ก็หลับไปได้ซักพัก ก็มีผู้หญิงคนนึง มายืนอยู่ปลายเท้า แล้วถามว่าผมเป็นใคร มาทำไรที่นี่ ผมรุได้ทันว่า ผี ผมก็ตอบไปว่า ขอมานอนหน่อย มาทำงานที่นี่ มาปกป้องประเทศ ผมก็ประนมมือ แล้วบอกว่า นะๆ

ขออยู่ด้วยคนนะ แล้วมันก็กรี๊ดใส่ผม ผมก็ตกใจจนสลบไปเลย เช้ารุ่นพี่ก็มาปลุกให้ไปอาบน้ำไปทำงาน ประมาณ 7 โมงเช้าผมก็ยังไม่เล่าให้ใครฟังนะ กลัวโดนล้อ

>>> เรื่องผี ของเซ่นของ
รุ่นพี่ก็ถามว่าเข้านอนบ้านใหม่ เป็นไงบ้าง เจอรับน้องรึป่าว ผมก็ตอบทันทีเลยว่าไม่ เมาหนักมาก หลับไม่รุเรื่องเลย และก็ทำงานไปตามปกติ จนถึงเย็นเลิกงานมา ผมก็ไปทานข้าว ทำภารกิจส่วนตัว จนเรียบร้อย และก็ถึงเวลาเข้านอนคืนที่สองนี่ค่อนข้างหนัก พอตกดึกผมหลับ แล้วเหมือนเดิมเหมือนฉายซ้ำ คราวนี้ไม่ได้มาตัวเดียว มีลูกสาวมาด้วย เช้ดเข้

ถามคำถามเดิมเลย แล้วยังถามเพิ่มอีกว่า ทำไมทำบ้านเขารก ทำไมไม่เกบของให้เรียบร้อย ทำไมไม่ทำความสะอาดบ้าน แล้วก็ลากขาผมจากกลางบ้าน จนถึงประตูหน้าบ้าน ผมก็ได้แต่ประนมมือบอกว่า ผมขอโทษๆ ตื่นเช้าขึ้นมาไปทำงานปกติ เริ่มไม่ใหวละ เลยปรึกษารุ่นพี่ว่าทำไงดี รถ่นพี่หัวเราะแล้วตอบว่า เรื่องปกติของที่นี่ ใครๆ เขาก็เจอกัน เดี๋ยวก็ชินไปเอง

อ่านเรื่อง เรื่องผีคืนก่อนวันพระ

ผมก็ งง ดิ อะไรว่ะ แบบนี้ก็ได้หรอ เลิกงานมาปุ๊ป ผมก็จัดแจงซื้อเหล้าขาว ซื้อธูป มาไว้ขอขมา ขอเข้าอยู่ในบ้าน ก็คิดว่าเซ่นแล้วคงไม่ไรหรอกมั้ง ก็ทำภารกิจส่วนตัวเรียบร้อย เตรียมเข้านอน คืนที่สาม อันนี้เริ่มหนักก็เข้านอนปกติ ตกดึกแถวบ้านเงียบหมด ไม่ค่อยมีใครอยู่บ้านพัก เพราะคนส่วนใหญ่จะไปทำงานที่อื่นกัน ไม่ค่อยได้อยู่ค่าย แถบนี้

ก็จะมีผมแค่คนเดียวที่อยู่ พอดึกปุ๊บ มาอีกละ มันนั่งหวีผมให้ลูกมันอยู่ปลายเท้าผม ผมก็นึกใจอะไรนักหนาว่ะเนี้ย ก็เซ่นไปแล้วไง มึงจะอะไรอีกว่ะ ตอนนั้นผมแขวนพระ

ไว้ทั่วบ้านเลย เขาก็มาบอกว่าที่นี่ เป็นบ้านเขา มึงเอาพระไปแขวนไว้ทั่วบ้าน แล้วจะให้กูอยู่ตรงใหน ของบ้าน ผมก็บอกว่าได้ งั้นคุณก็อยู่ชั้นบนไป ผมขออยู่ชั้นล่าง เราทั้งสอง ต่างคนต่างอยู่ไม่ต้องมายุ่งข้องเกี่ยวอะไรกันอีก ตอนเช้าผมก็ เกบพระที่เอาไว้บนบ้าน ลงมาไว้ชั้นล่างให้หมด คืนที่สี่ มันเล่นผมอีกละ จะมาลากขาผมอีก แต่มีผู้หญิงคนนึง มาห้ามไว้

ใส่ชุดขาวหน้าตาสะสวย เขามาห้ามผีสองตนแม่ลูกนั้นไว้ แล้วบอกว่าเด็กมันยอมทุกแล้วจะเอาอะไรอีก แล้วสองแม่ลูกนั้นก็หายไป ผมเริ่มชินละ ถึงตอนนี้ไม่กลัวละ ตัวไรก็มาเถอะ


ต่อ.?? เข้าวันที่ 5 ผมเริ่มไม่ใหว โทรหาปู่ ว่าจะทำไงดี ไม่ได้นอนเลย ผีอิสลาม กวนทุกวันเลยปู่ ปู่บอกว่า จุดธูปสามดอก นึกถึงปู่ พระคุณพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เตรียมขัน 5 ให้เรียบร้อย ก่อนนอนสวดมนต์ กำแพงแก้วเจ็ดชั้น ตามด้วยคาถาชินบัญชร มันเก่งแค่ใหนก็อยู่ไม่ได้หรอก ปู่ก็ถามถึง ตระกรุดหนังหน้าผากเสือที่ให้มา ว่าอยู่ใหน ผมก็ตอบว่าอยู่นี่ละ

ปู่ให้คาถามาบทนึง เอาไว้กำกับตระกรุดให้คุ้มกายเรา ปลัดคิกที่ปู่ให้มาให้คาดเอวตลอด จะช่วยได้ พอตกเย็นจะเข้า ผมก็เริ่มทำตามที่ปู่บอก พอเสร็จสับเรียบร้อยแล้ว ก็เข้านอน …..

อ่านเรื่อผี นอนทับที่ผีตายโหง

ผมก็เข้านอนไป พอดึก คราวนี้มาทั้งครอบครัว มีพ่อ แม่ ลูก ครบเลย มาขอผม ว่าให้อยู่ด้วยหน่อย เขาจะไม่ทำอะไรแล้ว ผมเลยตอบว่าเอางี้ คนครึ่งทาง คุณไปอยู่จอมปลวกหลังบ้าน เดี๋ยวจะหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ เวลาไม่อยู่บ้านก็เฝ้าบ้านให้ด้วย อย่าให้ของหาย หรือใครเข้ามา เขาก็ งงๆ แหละ อุทิศส่วนกุศลคืออะไร เพราะเขาเป็นอิสลาม หลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็อยู่กันด้วยดี ผมเลี้ยงหมาไว้สองตัว หมาของผมชอบเดินไปหลังบ้านตอนกลางคืนแล้วนั่งมองจอมปลวก ผมก็รู้แหละ ว่ามันเห็นอะไร ผมก็บอกเขาว่า นี่หมาผมนะ

ห้ามทำอะไรมันสองตัวเด็ดขาด เพราะผมรักหมาผมมาก บางครั้งเพื่อนผมก็สงสัย ว่าหมาผมเห่าจอมปลวกทำไม ผมก็เลยตอบไปว่า มันบ้า ถือสาไรแค่หมาเห่า มันเห็นอะไรก็เห่าไปเรื่อย
หลังจากนั้นเวลาผมไม่อยู่บ้าน เช่นลาพัก หรือไปเข้า คนที่ขับผ่านบ้านผม จะรุสึกแปลกใจ เพราะมักเห็นเงาคนเดินไป เดินมาในบ้าน เพื่อนผมคนนึง

โทรหาผม ขณะเข้าเวร ว่าใครอยู่ในบ้าน ไม่ไปเข้าเวรหรอ ผมก็บอกว่าผมเข้าเวร อยู่กองร้อยเนี้ยเข้าสิบเวร มันบอกแล้วใคร อยู่บนชั้นสองของบ้านอ่ะ กูเห็นเดินไป เดินมา ซักพักละ ผมเลยตอบว่า สงสัยจะเป็นเจ้าของบ้านเขาอ่ะ ก่อนกูมาเข้าเวรกูบอกเขาว่าฝากเฝ้าบ้านด้วย จะไปเข้าเวร และก็เพื่อนรุ่นน้อง และเพื่อนอีกหลายคน ที่เหนคนเดิน

ในบ้านขณะที่ผมไม่อยู่ วันใหนที่เป็นวันสำคัญของอิสลาม จะได้ยินเสียงคนตอกตะปู ลากตู้ลากเตียง ตลอด บางทีทำงานมาเหนื่อยๆ จนต้องตะโกนบอกให้เบาๆ ค่ายนี้เหมือนจะมีอาถรรพ์อยู่ ทุกๆปี จะต้องมีคนในค่ายตาย ไม่ใช่แก่ตาย ไรงี้นะ คือตายในบริเวณค่ายจริง ยิงตัวตายมั้ง ยิงตัวตายนี่ น่าจะ 2-3 ศพ และก็มีกำลังพลของหน่วยรบพิเศษในค่าย

ทำการกระโดดรามประจำปี นี่ก็ตายทุกปี บางปีถ้าไม่ตายก็ต้องมีเจ็บสาหัสกันบ้างละ ปีที่แล้วถ้าจำไม่ผิดก็กระโดด แล้วร่มไม่กาง ตายข้างกองร้อยผมเลย พลทหารที่กองร้อยเห็นแกประจำ มันพากันบอกว่า คนที่ตายเขายังไม่ไปใหนนะหมู่ วิญญาณ เขายังอยู่นี่อยู่เลย ปีนี้ ก็กระโดดแล้วร่ม ไปเกี่ยวกับสายไฟ โดนไฟช้อตสาหัส เลื่อนล้มในห้องน้ำ

อ่านเรื่องผี ขับรถชนวิญญาณ

หัวฟาดพื้นตาย หลายคนคงคิดว่า เป็นอุบัติเหตุ แต่ผมว่าไม่ใช่ มันต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ ต้องมีคนสังเวย ทุกปี ปีใหน พีคๆ ก็ 3-4 ศพ เฉพาะบริเวณค่าย คือตายแบบไม่น่าตายอ่ะ ปีใหนเบาๆ หน่อยก็ 1-2 ศพ ถ้าใครชอบทางอาคม ไสย์ศาสตร์ อยากเลี้ยงผี เลี้ยงกุมาร เลี้ยงควายธนู ผมแนะนำเอามาเลี้ยงนี่ โตไวแน่ และที่สำคัญจะดุร้าย

กว่าปกติ เหมือนเพื่อนผมที่ใฝ่ทางนี้ พอสมควร เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง ว่ามันไปเจอไรมาบ้าง และทุกครั้งเจอมันก็จะมา

ปรึกษาผมตลอดเรื่องเพื่อนผู้ชอบทางวิชาอาคม ตัวผมเองก็ไม่ได้หนังเหนียวอะไรนะ ไม่ใช่ว่าผมจะเก่งอาคม จนจับผีปราบผีได้ขนาดนั้น หรือปลุกเสกของไรงี้ ทำไม่ได้หรอก แต่ถ้าแค่ป้องกันตนเอง พอได้ เข้าป่าไรงี้ กันแมลงมีพิษกันงู กันผี ไม่ให้มายุ่ง ก็พอทำได้ แต่จะให้ไปเสกหนังควายเข้าท้องไรงี้ ทำไมไม่เป็น ผมทำได้แค่ป้องกันตนเอง

เพราะปู่บอกว่า ผมเป็นคนจิตแข็ง ไอ้พวกสัมพเวสี ผีจร ทำไรไม่ได้หรอก แต่ก็เคยจัญไรเหมือนกัน ไปเล่นวิ่งไล่จับกับน้อง ตอนเป็นเด็ก แต่ตรงที่ไปวิ่งนั้น เป็นที่ ที่เขากำลังจะสร้างศาลหลักเมือง ของอำเภอ ก็เห็นมันเป็นเนินดิน น่าวิ่งเล่นก็เลยชวนน้องไป ผลปรากฏว่า สีผิวจากดำ เริ่มแดง คอที่ห้อยตระกรุด หนังหน้าผากเสือ เริ่มแดงเหมือนรอยโดนข่วน

พ่อถามว่าไปทำไรมา ผมก็ตอบเลยว่าไปวิ่งเล่นตรงเนินดินนู้น มาอ่ะพ่อ แล้วชาวบ้านที่เขาได้ยินก็บอกว่า

ตรงนั้นเขาจะสร้างศาลหลักเมือง ให้เอาธูปไปจุดขอขมา ก็คงหาย พ่อเลยพาไปขอขมา ตัวที่แดงก็เริ่มจางกลับมา ดำ ปกติ กลับมาที่เพื่อนผม ไอ้คนนี้ชอบของได้ไสย์เวท ในบ้านมันมีหมด กุมารทอง ควายธนู พระพุทธรูป เจ้าแม่กวนอิม กวนอู ฮกล๊กซิ่ว มีแม้กระทั่ง

หงอคง มันเอาทุกอย่าง สักเสือเผ่นมาจากอาจารย์ ใหนก็ไม่รุ วันนั้นกินเหล้าเมา อยากลองของเสือเผ่น เอามีคัตเตอร์ มากรีดนิ้วตัวเองดู ผลออกมา เลือดใหลเป็นหยดๆ เลย


มีอยู่วันนึง เข้าบ้านไม่ได้ มันบอกผมว่าบ้านล็อค ผมก็ว่าใช้กุญแจเปิดดิ พอไขกุญแจล็อคก็ปลดปกติ แต่พอจะเข้าบ้าน ประตัวก็ล็อคเองอีกละ เหมือนมีคนคอยกดล็อคจากข้างใน เลยกบอกมันบิดลูกกุญแจค้างไว้ แล้วเปิดเลย พอเปิดเข้าไปก็ได้ยินเหมือนคนวิ่งขึ้นไปชั้นสองของบ้าน ผมถามว่ามึงอยู่กับใคร มันบอกอยู่คนเดียว แต่กูเลี้ยงกุมาร ไว้

น่าจะมาหยอกกูแหละ นับจากนั้นมานับจากนั้นกุมาร ก็เริ่มอาละวาดหนักขึ้น ถึงขั้นจะเอาให้ตาย มีรุนพี่คนนึง เอาปืนมาฝากไว้ที่บ้านมัน มันก็วางไว้บนโซฟา ปืนใส่ซองกระสุนไว้ แต่ไม่ได้ขึ้นลำไว้ หรือไม่ได้ขึ้นคันรั้งไว้ กระสุนไม่มีในรังเพลิง มันก็เดินมาส่งรุ่นพี่ที่ประตูบ้าน อยู่ดีๆ ปืนลั่น โป้ง…..
แล้วก็มีเสียงคนวิ่งขึ้นบนบ้าน อีก แต่รอบนี้เท้าหนักขึ้น

อ่านเรื่องผี โค้ง6ศพ

เหมือนไม่ใช่เท้าเด็ก แต่ยังดีไม่มีใครเป็นอะไร เพราะปากกระบอกปืน หันไปทางหลังบ้าน ก็ตกใจ เชี้ยไรว่ะเนี้ย เลยคุยกับมันว่าไม่ใหวแล้วนะ ถ้าเลี้ยงแล้วจะมาทำร้ายกันขนาดนี้ กูว่าเอาไปปล่อย เพราะว่ามันไม่ใช่กุมารละ มันมีสิ่งอื่น ไปสิงแทนกุมารแล้วละ ก็ตกลงกันว่า พรุ่งนี้จะเอาไปปล่อยที่วัด ผมก็เดินกลับบ้าน ระหว่างที่เดินกลับ ปลัดคิกที่คาดเอวไว้ ก็เริ่มสั่นเตือน ตระกรุดที่ห้อยคอ ก็เริ่มร้อนเตือน ผมรู้แล้วว่า มีบางสิ่งตามมา

แต่คงเข้าบ้านผมไม่ได้หรอก เพราะเจ้าของบ้านผม คงไม่ยอมให้ใคร โดยเฉพาะไอ้พวกนี้เข้ามาได้แน่ๆ ผมถึงบ้านก็ขึ้นบ้านมานอนชั้นสอง ก็มองลงไป จากบนบ้านก็เหนมีเงายืนมองผมอยู่ที่บนถนน ผมก็นึกในใจ ว่า ได้เลยพรุ่งนี้เด๋วเจอกัน ก่อนนอนผมก็ไม่ลืม ที่จะบอกเจ้าของบ้านอย่าให้ใครเข้าบ้านได้นะ ฝากดูแลหน่อยตอนที่ผมหลับอ่ะ พอเช้าผมก็ขับรถ ไปรับเพื่อนพร้อมกุมาร ที่บ้าน พาไปที่วัด แห่งนึง ที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ผมรุดีว่าหลวงพ่อที่วัดนี้ แกก็สายมหาเวท เลยไปขอให้แกช่วย บอกแกว่าจะเอากุมารมาปล่อย เลี้ยงไม่ใหว แกบอกมันไม่ใช่กุมารแล้ว มันเป็นผีร้ายดีๆ นี่เอง ดีแล้วที่เอามาปล่อยทัน คืนเลี้ยงต่อไป มีสิทธิ์ ตาย แกก็เอาท่องคาถาแล้วเอาสายสิญ มาพันรอบตุ๊กตา แกบอกว่าเดินไปที่เมรุ จะเผามัน พอไปถึงก็โยนเข้าเมรุ ทันที หลวงพ่อก็เป่าคาถา คาถาไปที่เมรุแล้วแกก็บอก ให้กลับ

ระหว่างเดินกลับ แกก็บอกว่า ในค่ายที่เอ็งอยู่ ไม่สมควรเอาพวกสิ่งพวกนี้มาเลี้ยงมาบูชาหรอก เหมือนหาที่มาให้พวกสิงสูบกินชีวิตเราไปวันๆ แค่นั้นละ ที่มันไม่เหมาะ เพราะหลวงพ่อแก ถูกนิมนต์ มาค่ายผมบ่อย มาทุกครั้งแก ก็บอกทุกครั้ง ที่มันแรง ทำบุญไปก็ได้แค่ทุเลา แต่จะให้หายเลยคงเป็นไปไม่ได้ กองพันผมจึงได้ตั้งศาล ที่หน้ากองพัน เพื่อหวังว่า จะช่วยลดเรื่องร้ายๆ พวกนี้ลงได้ เคยมีพลทหาร ที่กองพันโดนผีหลอกจน เป็นบ้า

ก็มี มันบอกว่าผีหลอก ไม่มีใครเชื่อ มีแต่คนหัวเราะมัน แต่ผมเฉยๆ เพราะไม่รุจะช่วยไง ทุกวันนี้พลทหาร คนนั้นก็ปลดประจำการไปละ อาการก็เริ่มดีขึ้น เรื่อยๆ ถ้าอยากรู้ว่าค่ายนี้มันเฮี้ยน แค่ใหน ว่างๆ ช่วงดึกๆ ก็ขับรถมาเล่นได้ เด๋วจะปักพิกัดให้ รับรองว่าคนแปลกหน้ามา ต้องโดนเจ้าถิ่นรับน้องบ้างละ หนักหรือเบาอันนี้ แล้วแต่จิตใครจะรับใหว ตัวอย่างแฟนของเพื่อนผม เพื่อนผมทำงานที่เดียวกันกับผม แต่แฟนอยู่แพร่ ลงมาหาแฟนครั้งแรก ก็เจอรับน้องตั้งแต่ทางเข้าค่าย ยังไม่ถึงค่ายเลยนะ แค่ทางเข้าก็โดนแล้วเรื่องแฟนเพื่อนผม

โดนรับน้องเรื่องมันมีอยู่ว่า แฟนเพื่อนผม จะมาหาเพื่อนผมที่อยู่ปัตตานี สมมุติชื่อ หน่อยละกัน เพราะผมก็จำชื่อแฟนมันไม่ได้ ให้ชื่อสมมุติว่า อิง ละกัน อิงเนี้ย เป็นแฟนของกิต กิตคือเพื่อนผม ก็อยู่มาวันนึง ไอ้อิงเนี้ย ก็อยากมาหากิตที่ค่าย แต่กิต นี่ชื่อจริงมันนะ ชื่อเพื่อนผม จริงๆ เลย มีตัวตนอยู่จริง เรื่องนี้เรื่องจริง เข้าเรื่องกันต่อ อิงก็มาหากิตที่ค่ายเพราะอยากรู้ความเป็นอยู่กิต ว่าอยู่ยังไงกินอยู่ยังไง ไอ้อิง ก็เดินทางมาเรื่อยๆ

กับรถยนส่วนตัว พอขับเข้าซอย ที่จะเข้ามาในค่าย ก็มีโค้งตัว เอส คือโค้งมันซิกแซ็กอ่ะ แล้วตรงนั้นเป็นโค้งแปลกๆ เวลาเข้าโค้งถ้าสมาธิหลุด หรือไปสนใจอย่างอื่น แค่แว๊ปเดียว ลงข้างทางแน่นอน เพราะมันเป็นโค้งปิดตา มีบ้านอยู่หลังนึงเลี้ยงนึง เลี้ยงไก่

แล้วสร้างกำแพงติดกับโค้งนั้นเลย ทำให้ มองไม่เห็นว่ามีอะไรข้างหน้า และสภาพโค้งที่เวลาเราเข้าโค้งไปแล้วถ้าคนไม่เคยมาหรือไม่ชินจะให้ความรุสึกเหมือนโค้นี้สั้นเดี๋ยวก็เข้าทางตรงละ แต่ไม่ใช่ มันยังไม่พ้นโค้งลักษณะจะเป็นกึ่งๆโค้งหักศอก เหมือนกับเป็นโค้งหลอกตา ถ้าคนในค่าย ขับเข้าออกเขาจะรู้กัน เวลาถึงโค้งจะบีบแตร ให้อีกคันที่จะเข้าโค้งสวนมา ได้รู้ว่า มีรถกำลังมานะ แต่ไอ้อิงมาครั้งแรก ไม่รู้ ไม่ชินเส้นทาง

ไอ้อิง ก็ขับเร็วใช้ได้เหมือนกัน พอมาเจอโค้งนี้ ก็เกิดอุบัติเหตุ จนถึงขั้นกับเสียชีวิต เรื่องมันยังไม่จบแค่นี้ ทีเด็ดมันอยู่ที่ว่า เวลาผ่านไป หลังจากเหตุการณ์นี้ ครึ่งปี ไอ้กิตมีแฟนใหม่ ก็ไปรับแฟนใหม่ที่เป็นทหารพรานหญิง มาพักในค่าย พอมาอยู่ด้วยกันเสร็จ ถึงเวลาที่ แฟนใหม่ไอ้กิต ต้องไปทำงาน ไอ้กิีก็ได้วานให้รุ่นพี่คนนึง ขับรถพาไปส่งหน่อย ก็ มี ไอ้กิต รุ่นพี่ และก็แฟนใหม่ นั้งรถไปด้วยกัน 3 คนขาไปส่งก็ปกติดี

เป็นเวลาประมาณ 4 ทุ่ม เริ่มเดินทางออกจากค่าย แฟนใหม่บ้านอยู่ยะลา ก็ขับรถไปจากปัตตานี ไปยะลา ก็ใช้เวลาประมาณ 40 -50 นาที ไปส่งเสร็จ ขากลับก็ขับกลับมา ระหว่างที่ใกล้ถึงค่าย แฟนใหม่กิต ก็โทรมาหากิต ว่าถึงใหนแล้ว ตะกี้นอนหลับ ฝันไม่ดีเลย ฝันว่ามีเงาดำๆ ตัดหน้ารถ จนเกิดอุบัติเหตุ ไอ้กิตด้วยความปากหมา ของมัน มันก็บอกว่าอย่าคิดมาก แค่ฝัน เลอะเทอะ ไปนอนเถอะไป พรุ่งนี้ทำงานไม่ใช่หรอ

และก็วางสายไป พอขับมาถึงโค้งตัวเอส ที่อิงเคยประสบอุบัติเหตุ ปรากฏว่า รถเข้าโค้งแล้ว พวงมาลัยหักไม่ยอมไป เหมือนอาการพวงมาลัยลอย คือหักไปแต่พวงมาลัย แต่ล้อไม่หมุนไปตาม ก็ชนเข้ากับเสาไฟ ไอ้กิต หัวแตกเนื่องพุ่งไปกระกับกระจกหน้ารถ รุ่นพี่ไม่เป็นไรเพราะคาดเข็มขัดนิรภัย ผมรุเรื่องก็รีบไปที่เกิดเหตุ แล้วพาทั้สอง ไป รพ. ก็ได้สอบถามแบบละเอียด ว่ามันเกิดอะไรขึ้น รุ่นพี่ก็บอกแต่ว่า พวงมาลัยหักไม่ไปว่ะ ไม่รุเป็นไรเหมือนกัน

แฟนใหม่ไอ้กิตรุเรื่องก็รีบ ให้พ่อขับรถมาส่ง รพ.ปัตตานี แล้วก็เล่าความฝันให้ผมฟัง ผมก็เริ่มเข้าใจละ ว่ามันเป็นยังไงเพราะไม่ใช่อิง คนเดียวที่ตายที่โค้งนั้น มีมาแล้ว 1-2 ศพก่อนอิง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นทหาร ที่ขับมอไซไปเที่ยวกลางคืน เมาแล้วขับกลับมาตายที่โค้งนี้ ประจำ หลังจากนั้น โค้งนี้ก็มีอุบัติเหตุๆ เรื่อย หนักบ้างเบาบ้าง ว่ากันไป แต่ล่าสุด

ก็เป็นรุ่นพี่ผมอีกคนนึง เรียนปริญญาที่เดวกัน จับได้ว่าแฟนเล่นชู้ ระหว่างที่ตัวเองไปทำงานข้างนอก กินเหล้าเมาประชดชีวิต แล้วขับมอไซบิ๊กไบ้ Z800 จะไปกินเหล้าต่อ ในเมืองก็มาตายโค้งนี้ละ เรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้พูดแล้วมันอาจจะฟังดูยากที่จะเชื่อ เดี๋ยวจะปักพิกัดของโค้งนั้นให้ดูนะ และเปิด กูเกิ้ลแมพ ดูเอาเอง


ต่อๆ เรื่องนี้ เกิดขึ้นสมัยผมพึ่งลงมาใหม่ เป็นเรื่องของรุ่นพี่คนนึง ที่อยู่บ้านกับแฟน ก็เจอกันที่ทำงานปกติทุกวัน ผมก็สงสัยว่าทำไม แกไม่เคยเข้าเวรเองเลย มีแต่จ้างเวรตลอด เลยถามแก แกก็ตอบมาว่าแฟนพี่กลัวผี อยู่บ้านคนเดียวไม่ได้ ประกอบกับพี่แกค่อนข้างรวย เลยไม่ได้ซีเรียสเรื่องจ้างเวร แค่ 400 – 500 บาท แต่มีอยู่วันนึง

หาจ้างเวรไม่ได้เพราะคนที่รับจ้างเวรประจำขาประจำที่รับเวรแก ลาพักกลับบ้านที่ จ.เลย แกก็เลยต้องเข้าเอง ทิ้งให้แฟนแกที่เป็นคนจิตอ่อนอยู่แล้ว อยู่บ้านเพียงลำพัง กลางดึกวันนั้น แฟนแกก็นอนปกติ แต่หลับไม่ค่อยสนิท อยู่ดีๆ ประตูห้องนอนที่ปิดไว้ ก็เปิดเองอัตโนมัติ แกก็เลยลุกขึ้นเพื่อที่จะไปปิด ระหว่างเดินไปที่หน้าประตูกำลังจะเอื้อมไปปิด ประตูก็อ้าเปิดจนกว้าง

ปรากกฏ เหนร่างผู้หญิง คนนึงนั่งกอดเข่าก้มหน้าอยู่หน้าประตู แกก็รู้โดยทันทีว่า ผี แกก็พยายามเตมที่ สวดมนต์ทุกบท ที่รู้จัก เพราะหวังว่าจะไล่ผีไปได้ ผีมันน่าจะกลัวบทสวด แต่เพราะแกเป็นคนจิตอ่อนสวดไปเท่าใหร่ ผีพวกนี้ก็ระแตะระคาย หรอกบอกแล้วที่นี่เฮี้ยนจริง ที่นี่มันเถื่อน มันบราซิล ชัดๆ ผีตนนั้นเงยหน้าขึ้นแล้วตะโกนว่า มึงบ่นอะไรของมึง กูไม่บทสวดมึงหรอก กูเป็นอิสลาม แล้วกรี๊ดใส่แฟนรุ่นพี่ผม

จนแกเป็นลมล้มพับอยู่หน้าประตู วันต่อมาก็ได้คุยกันกับแกถึงเรื่องนี้ แกก็บอกว่าจะซื้อเหล้าหัวหมู มาเซ่น เผื่อจะช่วยบรรเทาได้ ผมเลยทักไปว่า เอาเป็นไก่ต้ม กับน้ำหวานดีกว่ามั้ย อิสลามเขาไม่กินเหล้านะ หมูก็ไม่กิน ผมเคยทำแล้วเอาเหล้ามาเซ่น โดนเหมือนเดิม พี่ลองเซ่นดูก่อน ถ้ายังไม่ทุเลา เดี๋ยวผมมีวิธีเมื่ออยู่กันดีๆไม่ได้ ก็คาถาชินบัญชรเลย ตั้งจิตนิ่งๆ อย่ากลัวมันรับรอง ไม่ว่ามันเก่งแค่ใหน ก็กระเจิงหมดอะ ผมลองแล้ว หลังจากนั้นแกก็จ้างเวรตลอด


หลังจากนั้นแกก็จ้างเวรแพงขึ้น จาก 4-5 ร้อยก็อัพราคา เป็น 700 – 1000 ที่นี้ละมีแต่คนแย่งกันเข้าเวรแก หลังจาะแกเซ่นไก่ ไปก็เหมือนจะอยู่กันได้ปกติ แต่ก็มีเสียงมากวนๆ บ้างในวันสำคัญของอิสลามเขา แกก็ทำงานอยู่กับผมได้ไม่นาน ก็ลาออก เพราะแฟนพี่ก็มีตัง แกก็มีตัง มีธุรกิจต้องบริหาร เลยเลือกที่จะลาออกไปบริหารธุรกิจ ส่วนตัวของแกต่อ 4 ปีผ่านไป ทุกวันนี้ บ้านที่แกเคยอยู้ยังไม่มีใครขอเข้าพักอาศัยเลยเป็นบ้านพักหลังเดียวที่ว่างยาวนานถึง 4 ปี มาๆต่อๆ จะเล่าถึงเรื่องรุ่นพี่หน่วยรบพิเศษ

ที่ไม่รู้ว่าตัวเองตาย เรื่องมันมีอยู่ว่า มันเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ผมก็จำเวลาไม่แน่ชัดเท่าใหร่ หน่วยรบพิเศษได้ทำการฝึกกระโดดร่ม ประจำปี ก็โดดๆ กันไป พอถึงคิวรุ่นพี่คนนี้ แกก็โดด เหมือนคนอื่นแต่ร่มแกไม่กาง ก็กระแทกกับขอบถนนลาดยาง ในค่าย เสียชีวิต บริเวณนั้นจะมีต้นไม้ต้นนึง ขึ้นอยู่ต้นเดียวโดดๆ เลย แต่ก็ไม่มีใครกล้าไปตัด ทั้งๆ ที่มันแปลกเพื่อน ดูๆ แล้วขัดหูขัดตา เพราะมีอยู่ต้นเดียวโดดๆ ตรงนั้นเป็นสามแยกด้วย หรือทางสามแพร่ง

ที่ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าทางสามแพร่งนี้ หรือ ทางสามแพร่งทุกที่อ่ะ เป็นที่รู้กันอยู่ว่าเป็นแฟล่งชุมนุมของเหล่าผีสางสัมพเวสีต่างๆ รุ่นพี่คนนั้นก็ตกลงมาตายตรงทางสามแพร่ง นั้นพอดี ถ้าเป็นคนที่ศึกษาเรื่องไสยศาสตร์นิดนึง จะรู้ว่าถ้าตายที่ทางสามแพร่งด้วยการตายโหง จากอุบัติเหตุแบบนี้ จะทำการเชิญวิญญาณได้ยากมาก ถ้าคนเชิญไม่เก่งจริงๆ วิญญาณดวงนั้น ก็จะถูกสัมพเวสี ตนอื่นที่อยู่ที่นั่นรั้งตัวไว้เพื่อเป็นตัวตายตัวแทน หรืออยู่เป็นเพื่อนกันตรงนั้น หลังจากเกิด อุบัติเหตุ ทางญาติ ก็ได้ทำพิธีเชิญวิญญาณเพื่อที่จะนำกลับบ้านไปทำพิธี แต่อย่างที่บอก มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งในค่ายนี้ด้วยแล้ว ยิ่งยากเข้าไปอีก ทางญาติเขาก็ทำพิธีไป ก็นำหม้อดินห่อด้วยผ้ายัน มาใส่วิญญาณ ของพี่คนนี้กลับไป แต่เขาไม่รู้หรอกว่า พี่แกไม่ได้ไปใหนเลย ยังอยู่ที่ต้นไม้ ต้นนั้นตรงที่แกตกมาตาย

จนถึงทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นในช่วงเวลา ที่เลย 4 ทุ่มไป คนในค่าย จึงหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านจุดตรงนั้นเพราะมันมีคนเคยเจอพี่แก มาโบกรถขอติดรถกลับบ้านพักด้วยบ่อย ใส่ชุดที่ใช้ในการโดดร่มเหมือนตอนที่ตาย แต่แกยังไม่รู้ไง ว่าแกตาย แกก็โบกขอขึ้นรถ เขาไป ทั้งๆที่จุดที่แกตายทั้งๆที่จุด ที่แกตายก็ไม่ได้ห่างจากบ้านพักเลย แต่พอพี่แกขึ้นรถใครมา แกก็จะบอกตลอดว่า โบกตั้งหลายคันละ ขอติดรถมาลงบ้านแค่นี้เองไม่มีใครยอมจอดรับเลย

นี่คือคำเล่าจากรุ่นน้องคนนึง ที่จอดรับพี่แก ขณะที่จะกลับบ้านพัก มาเอาของไปเข้าเวร พี่คนที่ตายแก ก็บอกทางว่าบ้านแกอยู่ใหน อยู่ตรงใหน แล้วระหว่างทางแกก็ชวนคุย ปกติ เหมือนคนปกติ แกก็บอกว่าวันนี้หน่วยพี่ฝึกโดดร่มประจำปีกัน แกลงไม่ตรงจุดที่หน่วยรบพิเศษวางตำแหน่งไว้ และก็ไม่มีใครขับรถมารับกลับหน่วยด้วย แกเลยต้องมาโบกรถ แบบนี้ละ ก็คุยๆ กันไป ปกติ จนมาถึงหน้าบ้านพี่แก แกก็ขอบใจ แล้วก็หายวับไปเลย

โดยที่ไม่เปิดประตู ก็ตามปกติ พี่แกก็กลับไปอยู่ที่ต้นไม้ต้นเดิมตรงทางสามแพร่ง เพื่อโบกรถคันต่อไปที่จะผ่านมา รุ่นน้องคนนั้น ก็ งง ทำอะไรไม่ถูก ไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น จนกระทั่งเช้า ผมไปทำงาน รุ่นน้องก็ถามผม ว่าเมื่อวาน หน่วยรบพิเศษเขาฝึกโดดร่มประจำปีกันหรอพี่ ผมก็ งง แล้วตอบไปว่าไม่นิ ใครจะมาฝึกช่วงนี้ละห้วงการฝึกมันอีก สามเดือนข้างหน้านุ้น รุ่นน้องผมก็ว่า เออใช่นี่เนอะ มะวานก็ไม่ได้ยินเสียงเครื่องบิน หรือเฮลิคอปเตอร์ เลยนิ

ผมก็เลยถามว่า ทำไมหรอ มันก็บอกผมว่า ก็เมื่อวานตอนดึกๆ ผมจอดรับรุ่นพี่คนนึง แกใส่ชุดโดดร่มยืนโบกรถอยู่ ที่ต้นไม้ ตรงทางสามแยกอ่ะพี่ ผมก็ถึงบางอ้อเลย เลยบอกมันไปว่า มึงโดนแล้ว ยังดีที่เป็นรถยนต์ ถ้าเป็นมอไซนะ พี่คนที่ตายกอดเอวเลยละ

ผมก็เล่าถึงเรื่องที่พี่แกตายโหง ให้มันฟัง เท่านั้น รุ่นน้องผมน้ำตาคลอเบ้าเลย นั่งคุยกับพี่ซะสนิทเชียว ตอนขับรถ ผมเลยแซวมันไปว่า แน่ใจป่าว ว่าพี่แกลงจากรถแล้ว ไม่ใช่ว่าแกยังนั่งอยู่ข้างๆ คนหรอ รุ่นน้องตอบว่า งั้นเลิกงานผมกลับบ้านพร้อมพี่นะ หมายกลับรถผมเลยอ่ะ ผมเลยถามมัน แล้วรถมึงละ มันบอกว่า จอดไว้นี่ก่อน ไว้รอให้จิตใจเข้มแข็งกว่านี้ก่อน ค่อยมาขับเอากลับ ผมก็หัวเราะ แล้วบอกว่า ได้ๆ รอกลับพร้อมพี่เลย

รถรุ่นน้องผมก็ จอดไว้ที่กองร้อย 3 -4 วัน มันถึงกล้าขับ และมันบอกว่าต่อไปนี้ จะไม่จอดรับใครข้างทางตอนกลางคืนอีก เป็นอันจบ เรื่องนี้

เดี๋ยวมีต่ออีก ค่ายนี้เรื่องเล่าเยอะแยะ คนเราต่างคนก็ยังต่างนิสัย ผีก็เหมือนกัน แต่ละตัวก็นิสัยต่างกันเพราะฉะนั้น คนในค่ายที่เจอมา ก็จะเจอผีที่ต่างกัน คราวหน้าจะเล่าเรื่องสยอง เป็นเรื่องของ แฟนสาวของรุ่นพี่ผมคนนึง ที่อยู่บ้านพัก ไม่ใกลจากผมนัก

แต่แกชอบทำอะไร ที่คนโบราณ เขาห้าม เช่นกินข้าวอย่าเคาะถ้วยเคาะจาน เพราะมันคือการเรียกวิญญาณ มากิน และเรื่องนี้สยองมาก เล่าเสริมอีกนิดก่อนจะเข้าเรื่องต่อไป ค่ายที่ผมอยู่ จะรู้จักกันในชื่อค่ายพระยาอินทิราแต่ผมจะเล่าประวัติซักนิดนึง

ของค่ายใกล้ๆ กัน ชื่อว่าค่ายอิงคยุทธบริหาร หรือ ค่ายอิงฯ ที่ค่ายนั่น เรื่องเฮี้ยนก็ถือว่าสุดยอดเหมือนกัน จนต้องไปสร้างศาลสร้างพระ บนเขาบ่อทอง ถึงพอบรรเทา กำลังพล ในค่ายถึงพออยู่กันได้ เมื่อก่อนก็ มีเหตุฆ่าตัวตาย บ่อย ยิงกันตายในค่ายบ่อย เหมือนกัน ล่าสุดไม่รู้ผู้อ่านได้ทราบข่าวกันบ้างหรือป่าว ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ลูกชายสติไม่สมประกอบ

ได้ใช้อาวุธปืนของพ่อซึ่งเป็นทหาร ยิงทั้งพ่อ และแม่ ผมจำไม่ได้ว่า ตาย หรือ สาหัส เหตุเกิดในค่ายอิงฯ นี่ละ แต่ผมไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในค่ายนั้น เลยไม่มีเรื่องมาเล่าให้ฟัง แต่ค่ายอิง นั้นก่อตั้งมาก่อนค่ายที่ผมอยู่หลายปีผมก็อยากรู้เหมือนว่าก่อนไปสร้างพระบนเขา ค่ายอิงฯ เฮี้ยน เหมือนคำบอกเล่าที่เล่าลือกันหรือป่าว ได้ยินแต่รุ่นพี่ที่แก่ๆ เขาเล่าให้ฟัง ว่าก่อนจะไปสร้างพระบนเขา มันเฮี้ยน ทหารถือปืนเข้าเวร ปืนก็ลั่นใส่ตาย เป็นต้นเอาละมาต่อกันเถอะ เรื่องที่ผมเล่าให้ฟังต่อไปนี้ ถ้าได้อ่านก็อยากให้จำเป็นบทเรียน

ไว้หน่อยว่า สิ่งที่คนแก่ คนโบราณเขาบอก บางทีมันไม่ใช่กุศโลบาย หรือ ขู่เพื่อให้เรากลัวจะได้ไม่ต้องทำสิ่งนั้น เช่นเวลานอนอย่า ผิวปากเพราะผีจะมาบิดปาก อย่าเคาะถ้วยชาม เพราะมันจะเป็นการเรียกผี เรื่องพวกนี้บางทีเขารำคาญเสียง แต่ถ้าเกิดว่าเราไม่เชื่อแล้วทำในสิ่งที่เขาห้ามละผลก็จะเกิดเหมือนเรื่องที่ผมกำลังจะเล่าให้ฟังดังต่อไปนี้ เรื่องเกิดขึ้นกับครอบครัวรุ่นพี่ผมคนนึง ที่มาขออาศัยกับเพื่อนผม

คนที่มันเกือบถูกกุมารทองฆ่าตาย นั่นละ ถ้าย้อนขึ้นไปดู เนื่องจากบ้านพักที่พวกผมอาศัยอยู่กัน ค่อนข้างจะดูดีหน่อย เป็นบ้านสองชั้น สองห้องนอน สามห้องน้ำ บ้านหลังเดียวจึงสามรถ อยู่ได้สองครอบครัวสบายๆ รุ่นพี่คนนี้ก็มาขออาศัยอยู่กับเพื่อนผม ด้วยความสนิทกันเพื่อนผมก็ให้อยู่ด้วย ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่รุ่นพี่ แต่อยู่ที่แฟนแกจะเรียกว่า ดื้อ โง่ มึน หรืออะไรดี เวลาแกจะป้อนข้าวลูกแก แกชอบเคาะถ้วยแล้วเรียกชื่อลูกแก

จะยกตัวอย่างให้ฟัง วันนั้นผมจะไปทำธุระข้างนอก ก็เห็นแกยืนถือถ้วยข้าวอยู่หน้าบ้าน เลยแวะทักทายสวัสดีซักหน่อยเนื่องจากเป็นแฟนรุ่นพี่ พอผมสวัสดีเสร็จก็ถามแกว่าทำอะไร แกบอกกำลังจะป้อนข้าวโชกุน ผมก็หันไปเห็นลูกแกกำลังวิ่งอยู่บ้านฝั่งตรงข้าม แล้วพี่แกก็ตะโกนพร้อมกับเคาะถ้วยเรียกลูกให้มากินข้าว ผมก็ตกใจ เพราะไม่รู้ว่าเพื่อนผมมันบอกรึป่าวว่า บ้านมันเล่นของไสยเวทย์ ทั้งขาว ทั้งดำ สัมพเวสีก็เยอะอยู่แล้ว นี่มาเคาะถ้วยอีก

จะเรียกมาทั้งค่ายเลยรึไง ผมเลยทักไปว่า พี่อย่าเคาะถ้วยการเคาะถ้วยมันหมายถึงเรียกผีมากินข้าว พี่ตะโกนเรียกก็พอ ไม่ต้องเคาะ ผมบอกแค่นี้ ก็ขับรถออกไปทำธุระ กว่าจะกลับมาก็เย็น พี่แกก็ มาป้อนข้าวลูกอยู่หน้าบ้านอีก ก็เคาะถ้วยเรียกตามเคย ผมก็นึกในใจว่า เอ้าอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไปภาวนาให้ผีพวกนั้นแค่ตักเตือนแกก็พออย่าให้เอาถึงตายเลย ขนก็ลุกซู่ขึ้นทันที ผมไม่ห่วงเพื่อนผมหรอก มันพอรักษาตัวรอดได้

แต่เป็นห่วงพี่แกนี่ซิ ต้องนอนสองคนกับลูก แฟนแกก็ต้องไปทำงานข้างนอกค่ายหลายวัน และอยากบอกว่า บ้านทุกหลังในค่ายนี้ มีผีทุกหลัง อยู่ที่ว่าจะหลังละกี่ตัว อย่างหลังที่ผมอยู่ ก็สาม พ่อ แม่ ลูก


เขาก็จะเหมือนบ้านหลังนั้นเป็นของเขา แล้วถ้ามีคนมาขออาศัยกับเรา แล้วไปเรียกคนอื่น ที่เราไม่รู้จักมาอยู่ด้วยอีก เป็นคนเราก็ไม่พอใจ เหมือนที่ผี ประจำบ้านเพื่อยผม ไม่พอใจ แล้วจะตักเตือนพี่คนนี้ ในคืนนี้ละ พอตกดึกวันนั้น พี่แกก็เข้านอนกับลูกปกติ พอหลับได้ซักพัก ก็รุสึกแน่นหน้าอก จึงลืมตามาดู ปรากฏร่างของหญิงคนนึงตัวดำทมิฬใหญ่มาก นั่งทับบนตัวแก พี่แกก็พยายามร้องแต่ไม่มีเสียง จนเป็นลมหมดสติไป

พอตื่นเช้าแกก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนผมฟัง เพื่อมผม มันก็มาปรึกษาผม ผมก็บอกไปว่า ที่เป็นแบบนี้เพราะกูเตือนแกแล้วไม่ฟังว่าอย่าเคาะถ้วยแล้วเรียกลูกแกมากินข้าว เจ้าของบ้านเขาแค่มาตักเตือนหรอก มึงก็บอกแกละกันว่าอย่าทำอีก หลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วละ และหลังจากนั้นพี่แกก็ไม่เคาะถ้วยอีกเลย เวลาก็ผ่านเลยไปประมาณสัปดาห์นึง พี่แกก็สร้างปัญหาขึ้นอีก

วันนั้นเป็นวันที่ประจำเดือนแกมา แกก็ไปอาบน้ำตอนเช้าปกติ อาบเสร็จก็นุ่งผ้าถุงเดินไปแต่งตัวปกติ แต่ว่าเลือดประจำเดือนของแกมันหยดเป็นหยดๆ ขึ้นไปจากห้องน้ำชั้นล่างไปจนถึงห้องนอนแกที่อยู่ชั้นสอง ผมก็ไปหาเพื่อนผมตามปกติ ไปคุยธุระเรื่องงาน ผมก็สังเกตุเห็น จุดอะไรแดงๆ ผมเลยถามเพื่อนว่าจุดอะไร ลูกพี่แกเอาสีมาเล่นหรอ

เพื่อนผมเลยบอกพี่แกให้มาดู พี่แกก็บอกและก็ขอโทด เป็นเลือดของแกเองเดี๋ยวจะทำความสะอาดให้ แกก็ไปเอาผ้าเช็ด ล้างออกจนสะอาด ผมนึกในใจละ ว่าคืนนี้พี่แกโดนอีกหนักภาวนาว่าอย่าให้เจ้าของบ้านเอาถึงตายละกัน ผมก็บอกเพื่อนว่าคืนนี้ให้ดูแลแกด้วยมันเอาแกแน่ และผมก็ออกจากบ้านมันมา ก่อนออกจากบ้านมัน ผมก็ไม่ลืมที่จะท่องคาถาไพรรีพินาศ

แล้วกระทืบเท้าดังๆ 3 ครั้งก่อนเดินออกมา เพราะบ้านไอ้นี่ผีเยอะ ถ้าไม่ทำเดี๋ยวจะโดนมันดักแกล้งเอากลางทางระหว่างเดินหลัย ต้องข่มมันไว้ก่อน แล้วก็เข้าตอนกลางคืน เพื่อนผมก็นอนห้อง พี่คนนั้้นก็นอนห้องแก คนเดียว ส่วนลูกแก แม่ของแกมารับไปอยู่ด้วยที่ต่างจังหวัด ส่วนแฟนแกยังไม่กลับ ด้วยมีภารกิจไปที่อื่นต่ออีก ตกดึกมา แกก็รุสึกไม่สบายตัว

หลับไม่สนิทเหมือนในห้องอบอ้าวๆ ทั้งที่พัดลมก็เปิดตั้ง 2 ตัว เลยลืมตาขึ้นมา ผู้อ่านรุจักคำว่า ผีหลอกระยะเผาขนรึป่าว จะเล่าให้เห็นภาพ แกนอนหงายอยู่ แล้วผีตัวติดอยู่บนเพดาน แล้วหล่นลงมาหน้าคนกับผีนี่จมูกชนกันอ่ะ แกเลยพลิกตัวจะลุกจากเตียง

เพื่อที่จะวิ่งไปขอความช่วยเหลือ พลิกมาทางขวาเจออีกตัวเกาะอยู่ข้างเตียง ทางซ้ายก็มี ปลายเท้าก็มี แกเลยตัดสินใจ ฝ่าวงล้อมผี นะตอนนั้น วิ่งมาเคาะประตูห้องเพื่อนผมที่อยู่ใกล้ๆ กันตะโกนเรียกให้ช่วย แต่เพื่อนผมไม่ได้ยิน แม้กระทั้งเสียงเคาะสักป๊อก ก็ไม่ได้ยิน แล้วผี 4 ตัวนั้น ก็มายืนล้อมแกอีกครั้ง แกช๊อค หมดสติล้มพับ

อยู่หน้าประตูห้องเพื่อนผม เพื่อนผมตื่นขึ้นมาตอนเช้า ก็ตกใจ ทำไมมานอนตรงนี้ พอแกฟื้นก็เล่าทุกอย่างให้ฟัง ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในคืนนั้น หลังจากที่แกเล่าให้ผมฟังเสร็จ แกก็ย้ายออกจากบ้านเพื่อนผมทันที ไปเช่าบ้านอยู่ข้างนอก และผลกระทบจากคืนนั้น พี่แกก็เป็นไข้ ไม่สบาย อยู่ 2 อาทิตย์ ผมกับเพื่อนก็ได้ไปเยี่ยมแก รพ. ด้วยกัน ก็ถามสาระทุกข์สุขดิบไปตามประสา


มานึกย้อนกลับไป ถ้าแกไม่หมดสติก่อน แล้วตัดสินใจที่จะวิ่งลงมาชั้น ล่าง ผมว่าผลมันคงไม่ออกมาเป็นแบบนี้ แน่ อาจจะตกบันไดเสียชีวิต ก็ได้ และนี่ก็คืออีกหนึ่งประสบการณ์ ที่อยากแชร์ให้ได้อ่านกัน และจำไว้วสิ่งใหนที่เขาห้ามอย่าทำ

พึ่งระลึกเสมอว่า ทุกๆที่มันมีเจ้าของที่เขาอยู่ จะทำอะไรเกรงใจเขาด้วย และที่สำคัญถ้าเจอผี อย่าวิ่ง ตั้งจิตให้มั่นครองสติให้อยู่ แล้วนั่งสมาธิ สมัยผมบวชเป็นสามเณร หลวงพ่อท่านเคยสอนไว้ว่า ไม่สิ่งใดกล้ารบกวนเราขณะที่เรานั่งทำสมาธิ ถ้าสิ่งใดไปกวนคนที่กำลังทำสมาธิ จะทำให้เกิดบาปมหันต์

เพราะฉะนั้นเวลาเจอผี มี 3 วิธีให้เลือก

1.นั่งสมาธิ อันนี้ไม่เคยลองแต่หลวงท่านแนะนำมาสมัยเป็นเณร
2.นึกภาพวงกลมรอบตัวเราให้ภาพเห็นในความคิดชัดๆ แล้วตั้งสมาธิ นึกถึงพระคุณพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ แล้วสวดคาถากำแพงแก้วเจ็ดชั้นอันนี้ การันตีผล กันผีได้แค่ใหนอยู่ทีความแน่วของสมาธิ
3.กรีดร้องจนตัวเองสลบเป็นลมไปซะ อย่าวิ่งหนีเด็ดขาด

เรื่องต่อไป บ้านติดกันกับผม เป็นเรื่องของผู้หญิงคนนึงที่เล่นของให้ผู้ชายมาหลงรักเพราะมักมากในกาม เรื่องมันเริ่มจาก รุ่นพี่ผมคนนึงชื่อ จง ค่อนข้างมีอายุแล้วละ ตอนที่เกิดเรื่อง พี่แกก็อายุ 50 ได้ละ แต่แกได้เมียเด็กแฟนแกอายุประมาณ 35 ประมาณนี่ แฟนแกชื่อวัน อันนี้จำขึ้นใจเลย แกเป็นคนสวย มีเสน่ห์ พี่จงนี่เป็นคนชอบกินเหล้า

เรียกได้ว่าถ้าไม่ใช่เวลาราชการ คือแกเมาแน่ๆ อยู่แล้ว และก็มี รุ่นพี่อีกคน ชื่อเก๋ คนนี้ก็มีแฟนอยู่แล้ว อายุเด็กกว่าพี่จงหน่อย พี่เก๋ น่าจะราว 40 ต้นๆ ไม่เกิน 45 พี่สองคนนี้แกชอบกินเหล้าด้วยกัน และเหมือนว่าพี่เก๋ จะชอบพี่วัน พี่จงก็รู้เรื่องนี้ดี

แต่แกก็ไม่ว่าอะไร ก็กินเหล้าด้วยกัน ปกติ แบบสามคนผัวเมีย ตอนนั้นผมก็เรียนปริญญาตรี อยู่เทอมสุดท้ายละ

ก็มีเพื่อนอีกคนเปิดเป็นร้านขายของชำ เลิกเรียนมาเสาอาทิตย์ ผมก็จะไปนั่งจิบเบียร้านมันประจำ จนกระทั้งมีอยู่วันนึง ผมก็นั่งจิบเบียไป 3-4 กระป๋องละ เวลาก็ค่ำพอสมควร แฟนพี่เก๋ ก็เดินมาหาผมกับเพื่อนแล้วเล่าความเปลี่ยนของพี่เก๋ให้ฟัง แกเลาว่าสงสัยพี่เก๋จะโดนของ พี่วันเอาเลือดเมนส์ หยดใส่อาหารให้กิน ผมก็นึกอยู่มิน่าละ

มากินเหล้าที่บ้านพี่จงได้ทุกวี่ทุกวัน แฟนพี่เก๋ก็อยากได้คำปรึกษาว่าพอจะมีทางแก้ ผมเลยถามว่ารู้ได้ไงว่าพี่เก๋โดนของ แล้วรู้ได้ไงว่าเป็นเลือดเมนส์ แกก็บอกว่าไปดูหมอกับพระมาพระบอกมาแบบนี้ ผมก็เลยบอกแกว่า เดี๋ยวจะพยายามหาทางช่วยละกันหลังจากนั้นผมก็เริ่มสังเกตุท่าทางพี่เก๋

ทุกวันสีหน้าแกดูคล้ำๆ ไม่ค่อยโอเคเท่าใหร่ ผมเลยโทรหาปู่ เล่าอาการและรายละเอียดของเรื่องให้ฟัง ปู่บอกว่าเป็นคาถาอีเป๋อ อีเป๋อมีหลายแบบ แต่เป็นวิชาต่ำ วิชาสายดำ ถ้ายิ่งนำของต่ำๆ เช่น น้ำอสุจิ เลือดเมนส์ ของพวกนี้ถ้านำมาลงกำกับด้วยคาถาอีเป๋อของพวกนี้ถ้าได้กำกับด้วยคาถานี้ จะเข้มขลังยิ่งนัก แต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยง

เพราะเท่าที่ปู่ รู้ๆ และเคยเห็นมาไม่ค่อยมีใครคุมวิชานี้อยู่ส่วนใหญ่จะใหลเข้าตัว ไม่เป็นบ้า ก็เป็นปอบ ผมจึงถามถึงวิธีแก้ ปู่บอกว่า ปลัดคิก หรือ สาก ก็ได้ ผมไม่ได้พิมผิดนะครับท่านผู้อ่าน มันคือสาก สากจริงๆ ที่ใช้ๆ ตำส้มตำเนี้ยแหละ ปู่บอกว่าให้ตื่นเช้ามา อย่าพึ่งพูดกับแฟน

ให้ลุกไปเลียสากก่อนทุกเช้าก่อนที่จะพูดกับแฟนมันจะช่วยคลายวิชานี้ได้ ผมก็เอาไปบอกให้แฟนพี่เก๋ ทำตาม แกก็ทำ 3-4 วันผ่านไป พี่เก๋ ก็กลับมามีสง่าราศี เหมือนเดิม ส่วนพี่วัน หน้าตาเริ่มบิดเบี้ยว เพราะของใหลเข้าตัว กลิ่นตัวเหม็นสาบ ผู้หญิงจะรู้ดีช่วงที่เป็นเมนส์ ผู้หญิงจะมีกลิ่นตัวที่แรงกว่าปกติ แต่ของพี่วัน มันเหม็นเหมือนคนเป็นเมนส์ แล้วไม่อาบน้ำอ่ะ และก็เริ่มพูดไม่รุเรื่อง เอาง่ายๆ แกเริ่มบ้า

เพราะของใหลเข้าตัว ปล้วเวลาแกเดินๆ แกชอบเอามือไปเกาตรงอวัยวะเพศ ของแกอ่ะ ผมเห็นผมก็นึกสงสาร และบางทีก็รุสึกผิด แต่ถ้าปล่อยไป พี่เก๋ ก็ตาย พี่จงก็คงไม่รอดตามกัน เพราะวิชาพวกนี้มันกินพลังชีวิต ทุกวันนี้ก็เจอแกตลอดเวลาที่แกเจอผม แกชอบมองผมตาขวางๆ และปัจจุบันแกก็บ้าเต็มรูปแบบ ชนิดที่คุยไม่รุเรื่อง แต่พี่จงแกก็ไม่ได้ทิ้งไปใหน ก็ยังอยู่ดูแลเหมือนเดิมตลอด

เรื่องนี้ก็อยากให้เป็นบทเรียน สำหรับใครที่ชอบวิชาอาคม ถ้าชอบถ้ามีของดี ก็อย่าใช้เพื่อความสุขส่วนตน พยายามใช้มันเพื่อผู้อื่นช่วยผู้อื่นอันนั้น อาคมเรามีแต่จะแกร่งกล้าขึ้น และได้บุญกุศลด้วย

เรื่องต่อไป จะเล่าประสบการณ์ให้ฟังในวันที่ผมเข้าสิบเวร เนื่องจากกองร้อยผมติดกับกำแพงค่าย ก็จะมีความเสี่ยงที่ผู้ก็ความไม่สงบ จะจ้องเป็นเป้าหมายในการโจมตี หรือก่อกวน แบะเรื่องนี้มันก็เกิดขึ้นในคืนคืนที่เป็นปริศนา วันนั้นเป็นคิวผมที่ต้องเข้าสิบเวรเป็นคืนปริศนา ที่ทุกคนยังพูดถึงกันแม้เวลาผ่านไปแล้วเป็นปี

เรื่องคืนนั้นมันเริ่มจาก เวลา 21:30 ผมก็ให้พลทหารเข้านอนจามปกติ พร้อมทั้งกำชับเวรยามที่ปฏิบัติหน้าที่ ให้เคร่งครัดเป็นพิเศษ เพราะใกล้วันฮารีรายอ ของพี่น้องไทยมุสลิมคล้ายๆวันขึ้นปีใหม่บ้านเราไทยพุทธนี่ละ ช่วงวันสำคัญเหล่านี้กลุ่มผู้ก็ความไม่สงบ มักจะมีแผนก่อเหตุในช่วงนี้ของทุกปี ผมจึงต้องกำชับและคอยกำกับตลอด เวลาล่วงเข้าเที่ยงคืน เสียงพลุ เสียงประทัด

ก็เริ่มดังพี่น้องไทยมุสลิมเริ่มการฉลองวันฮารีรายอ อันนี้ต้องอาศัยประสบการณ์ ต้องแกให้ออก อันใหนเสียงพลุ อันใหนเสียงระเบิด อันใหนเสียงประทัด อันใหนเสียงปืน วิธีแยกก็ง่าย ๆเสียงปืน กับระเบิดนี่ จะดังแน่นๆ แต่พลุกับประทัดจะดังเสียงโปร่งๆ เข้าเรื่องต่อ เวลาเลยมาถึงตี 1 ผมก็ยังไม่นอนเพราะกลัวเกิดเหตุอะไรขึ้นแล้วตั้งรับไม่ทัน เกือบๆจะตี 2 เสียงพลุ เสียงประทัดเริ่มเงียบ แทนด้วยเสียงจิ้งหรีด

และแมลงอื่นๆ ร้องระงม ตามกันมา ซักพักได้ยินเสียงจากเวรหน้าคลังอาวุที่อยู่ใกล้กับกำแพงพูดขึ้นว่า ตัวเชี้ยอะไรว่ะนั่น ตามด้วยเสียงตะโกนว่าหยุด แล้วเสียงปืนจากเวนก็ดังขึ้น 2 นัด ปั้ง ปั้ง ผมก็รีบวิ่งไปดู มันเป็นเงาสีดำรูปร่างสูงหุ่นสันทัด

สูงประประมาณ 180 ได้ ในตาแดงสว่าง เห็นชัด ยืนจ้องผมอยูห่างจะผมประมาณ 50 เมตรได้ แล้วเงานั้นก็เริ่มเดินเข้ามาหาผมช้า

ผมก็ตะโกนไปว่าหยุด ถามว่าใคร ตอนนี้ลูกน้องผมยืนสั่นกลัว ทำไรไม่ถูกหน้าซี๊ดเหงื่อท่วมหน้า ผมเลยแย่งปืนจากมือมันมา แล้วตะโกนไปอีกว่า ไม่หยุดกูยิงนะ หลังจากที่ผมตะโกนไป จากมันเดินมันรบเริ่มวิ่งเข้าผมอีกครั้ง ก็ตั้งสติให้มั่นมือกำตระกรุดหนังหน้าผ้าเสือที่ปู่ให้มาไว้แน่น นึกใจ ปู่ช่วยลูกด้วย

แล้วละมือจากตระกรุดไปเหนี่ยวไกปืน 3 นัด ปั้ง ปั้ง ปั้ง เงาหยุดแล้วหันหลังวิ่งกลับไปที่ริมกำแพง แล้วหันกลับมาจ้องผม ก่อนที่จะวิ่งหายเข้าไปในพุ่มไม้ใกล้ๆ ผมก็เริ่มวิทยุขอกำลังเสริมจากหน่วยข้างเขียง รถหุ้มเกราะ ก็มา เฮลิคอปเตอร์ก็ขึ้น โดรนก็ขึ้นบิน เพื่อที่จะหาว่าไอ้สิ่งที่ผมเจอมันคืออะไร

แต่ก็ไม่มีวี่แววอะไรเลย แต่ที่ทุกคนสงสัยคือ กำแพงสูง สองเมตรห้าสิบเซนติเมตร มึงข้ามมาได้ไง แล้วกับระเบิดที่ฝังไว้รอบกำแพง พลุสะดุด กล้องอินฟาเหรด ตอนนี้ทุกคนสงสัยในแบบเดียวกันคือมึงเป็นใครรอดจากระบบรักษาความปลอดภัย ระดับนี้มาได้ยังไง ไปย้อนดูกล้อง ก็เหนแค่เงาแว๊ปๆ จางๆ เหมือนค้างคาวบินผ่าน หรือนกบินผ่าน หรือแมลงบินผ่าน แค่นั้นเอง จนทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีคำตอบ

เดี่ยวพรุ่งนี้เที่ยง จะมาเขียนต่อนะครับ วันนี้นอนก่อน จะตีหนึ่งแร้ว ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะครับ เรื่องต่อไปก็หลอน ไม่แพ้กัน เมื่อมีคนตายที่กองร้อยแล้วไม่รู้ว่าตัวเองตาย เรื่องมันมีอยู่มีรุ่นพี่คนนึงโดนกักบริเวณห้ามออกนอกกองร้อย เนื่องจากแกติดสุราหนัก ทางผู้ใหญ่ท่านเลย ให้อยู่กองร้อยจะไม่ได้ฟื้นฟูสภาพร่างกายบ้าง เผื่อจะอายุยืนขึ้นมาอีกหน่อย แต่ใครจะคิดส่งคนจิตอ่อน แบบนั้นไปอยู่ในที่เฮี้ยนแบบนั้น ก็เหมือนส่งตัวตายตัวแทน ไปขึ้นเขียงรอเชือดดีๆ นี่เอง

ขอขอบคุณ เจ้าของเรื่อง : คุณChanapol P.

admin