เรื่องผี ผีเปรต

เรื่องผี ผีเปรต

เรื่องผี ผีเปรต

เรื่องผี ผีเปรต เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณยายแกนค่ะ เกิดขึ้นที่ภาคอิสานสมัยยายยังเป็นเด็ก ยายเล่าให้ฟังว่า ที่บ้านยายมีที่ดินเยอะ เพราะคุณทวด (แม่ของยาย) ปลูกข้าว และปลูกมะม่วงขาย ช่วงเทศกาลคุณทวดก็มักจะให้ยายกับน้องๆ มาช่วยเฝ้าสวนตอนหลังเลิกเรียน เพื่อแลกกับเงินค่าขนมเล็กๆ น้อยๆ

ที่พักที่สวนจะเป็นกระท่อมหลังเล็กๆ ปลูกด้วยไม่ไผ่ ตัวเรือนยกสูงจากพื้นดิน หลังคามุงด้วยใบจากตากแห้ง มีหน้าต่าง 2 บาน และประตูอยู่ตรงกลางกระท่อม

ยายเล่าต่อว่า เย็นวันนั้นยายเหนื่อยล้ามาก เนื่องจากต้องเข้าเมืองไปเก็บค่าแผงผักในตลาดให้คุณทวด และกลับมาอาบน้ำให้ควายอีก 2 ตัวจึงทำให้ยายเผลอหลับไปขณะเฝ้าสวนมะม่วง พอสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมา ก็เห็นว่าตะวันลับฟ้าไปแล้ว ยายเลยรีบเก็บของเบ็ดเตล็ดเข้าย่าม และหนังสือเรียนที่เอามาอ่านทบทวนระหว่างเฝ้าสวน

ยายรีบเปิดประตู และคว้าตะเกียงลมเดินลงบันไดอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวจะไม่ทันกินข้าวเย็น (เนื่องจากคนสมัยก่อนกินข้าวเป็นเวลา ไม่กินจุกจิกเหมือนคนสมัยนี้ ถ้าหากใครมาไม่ทันกินข้าว เขาก็จะเก็บสำรับแล้วก็จะอดกิน) ยายเดินมาได้ไม่กี่ก้าว ฝนก็ตกลงมาหนักมากๆ และระยะทางจากกระท่อมถึงตัวบ้านก็ไกลพอสมควร ทำให้ยายตัดสินใจวิ่งกลับไปที่กระท่อมรอฝนหยุด แล้วค่อยเดินกลับบ้าน เพราะถ้าฝ่าฝนไปตอนนี้ รองเท้าและชุดนักเรียนคงจะเลอะโคลนหมด

ยายนั่งรอนานมากฝนก็ไม่หยุดตกสักที จนยายหลับไปอีกรอบ ตื่นมาอีกทีก็ดึกแล้ว ลมแรงพัดจนต้นตาลหลังสวนมะม่วง โยกเยกโงนเงนตามแรงลม ยายคิดในใจว่า คืนนี้คงไม่ได้เข้าบ้านแล้ว กะว่าจะนอนที่นี่เลย แล้วตอนเช้าค่อยกลับไปอาบน้ำที่บ้านก่อนไปโรงเรียน

ยายนอนคิดอะไรเพลินๆ จนสายตาเริ่มชินกับความมืด ขณะที่ยายมองออกไปนอกหน้าต่าง ยายเห็นต้นไม้ต้นนึงไหวแปลกๆ ไหวแบบขึ้นๆ ลงๆ เหมือนคนลุกๆ นั่งๆ เพราะต้นอื่นไหวไปซ้าย-ขวา ยายก็เลยยิ่งเพ่งตามอง และสิ่งที่ยายเห็นนั่นคือ คนรูปร่างสูงมากๆ และก็ผอมจนหนังติดกระดูก หัวโต ผมเผ้าดูกระเซอะกระเซิง เดินแบบโซเซ เพราะความสูงที่ไม่สมดุลกับความผอม และยายรู้ทันทีว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่คนแน่ๆ ยายตกใจ และกลัวมากๆ แต่ก็ยังแอบดูอยู่เงียบๆ

ยายหรี่ตะเกียงลมเพื่อลดแสงไฟในกระท่อม จากนั้นก็นอนหันหลังให้หน้าต่าง และพยายามข่มตาหลับ แต่ยายก็ได้ยินเสียงหวีดร้องโหยหวนเจ็บปวด หลังจากที่ได้ยินเสียงดัง ‘ป๊อก’ เป็นเสียงเหมือนอะไรแตกหัก ยายได้ยินหลายครั้งมากๆ จนเริ่มสงสัย และตัดสินใจ กลั้นใจแอบมองออกนอกหน้าต่างอีกครั้ง

และสิ่งที่ยายเห็นคือ มันลุกนั่งอยู่อย่างนั้น เหมือนกับจะหาของกินที่อยู่ตามพื้น และทุกครั้งเวลาก้มตัวลง กระดูกสันหลังก็จะหักดัง ‘ป๊อก’ พร้อมกับเสียงร้อง ‘วี๊ดดดด’ สูงๆ ยาวๆ ด้วยความทรมาน และมือที่เก้งก้างก็ปัดป่ายที่หลัง หวังจะบรรเทาอาการเจ็บนั้น สักพักก็ก้มลงไปอีก และทุกครั้งก็จะได้ยินเสียง ‘ป๊อก’ ตามมาด้วยเสียงหวีดร้องซ้ำอยู่อย่างนั้น

ยายเล่าไปก็บอกไปว่าดูน่าสงสารมาก เพราะคงจะหิวโซ ถ้าไม่ก้มลงไปหาของกิน ก็คงจะหิว แต่จะก้มลงไปก็ต้องแลกกับความเจ็บปวดทรมานที่กระดูกสันหลัง

ยายของแกนไม่เคยลืมเรื่องนี้เลย และทุกครั้งที่ยายเล่าให้ฟัง ยายก็จะบอกให้ว่าทำความดีมากๆ ทดแทนบุญคุณพ่อแม่ ตายไปจะได้ไม่ต้องไปร้องหิวโหยเจ็บปวด เหมือน ‘เปรต’ ตนนั้นไงล่ะ

เรื่อง เมื่อฉันได้ยินเสียงเปรต

สวัสดีค่ะ เรื่องที่ดิฉันจะเล่าต่อไปนี้เป็นประสบการณ์โดยตรงจากฉันเอง (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

โดยส่วนตัวดิฉันจะเป็นคนที่ไปบวชชีพราหมณ์ที่วัดแห่งในสุโขทัย เป็นวัดป่า วัดนี่อยู่ตีนเขาเลยค่ะ ก็ไปบวชทุกปีอย่างน้อยปีละครั้ง เริ่มบวชช่วงอายุประมาณ 15 ค่ะ บางครั้งก็ไปบวชคนเดียว ไปกับยายบ้าง คือที่พ่อแม่ให้ไปบวชคนเดียวเนี่ย เพราะมีแม่ชีท่านดูแลอยู่ก็สบายใจ อีกอย่างที่วัดแบ่งเขตชัดเจนค่ะ ว่าเขตนี้เขตหญิง เขตนี้เขตชาย มีศาลาวัดตั้งตรงกลางแบ่งเขตค่ะ ถ้าเราจะคุยหรือมีกิจกับพระ ต้องมาคุยที่ศาลาค่ะ

ตอนนั้นดิฉันน่าจะสัก 16 ไปบวชคนเดียวช่วงปิดเทอมใหญ่ ก็พอมีคนมาบวชบ้างช่วงนั้น รวมๆ สักเกือบ 20 คน เด็กๆ ก็มีสัก 10 คน ที่เหลือก็ผู้ใหญ่ ช่วงเช้าเราก็ตื่นแต่ตี 5 มาช่วยกันทำกับข้าวใส่บาตรตอนเช้าที่ศาลา พอใส่บาตรเสร็จเราก็มาฉันเช้า เสร็จก็แล้วแต่เลยค่ะว่าจะทำอะไร ส่วนใหญ่ดิฉันก็เดินจงกรมค่ะ จนถึงช่วงเพล ก็มาฉันข้าว เสร็จแล้วก็ตามอัธยาศัย

ดิฉันก็นอนสักนิดนึง แล้วก็ตื่นมาเดินจงกรมต่อ เวลา 4 โมงเย็นก็กวาดลานวัด ผู้หญิงก็กวาดฝั่งผู้หญิงค่ะ ฝั่งผู้ชายพระท่านก็กวาดฝั่งท่าน รวมถึงพราหมณ์ผู้ชาย ใบไม้เยอะค่ะ เพราะอยู่ตีนเขา มันเป็นป่า เสร็จแล้วก็อาบน้ำเตรียมทำวัตรเย็นเวลา 6 โมง

วันนั้นก็พอทำวัตรเย็นเสร็จ พระอาจารย์ท่านก็เทศน์ธรรมะให้ฟัง ช่วงที่ท่านกำลังเทศน์ ดิฉันได้ยินเสียง วี๊ดดดดด ดังมากๆ ทีแรกก็งง ว่าเสียงอะไร จะว่าไปมันก็คล้ายเสียงกบไสไม้นะ ดังมากๆ แบบได้ยินชัดเจน แล้วก็หันไปมองหน้าพี่ที่นั่งข้างๆ ก็พยักหน้า เชิงว่าได้ยินเหมือนกัน

ดิฉันก็ไม่คิดอะไร เพราะพระท่านกำลังเทศน์อยู่ไม่กล้าคุย พอพระท่านเทศน์เสร็จ ก็ไหว้พระแล้วลงจากศาลาวัด ตอนอยู่ที่บันได ดิฉันก็คุยกับพี่ที่นั่งข้างกันว่าได้ยินเสียงอะไรใช่ไหม ก็ถามว่าเสียงอะไรอะ ตอนที่กำลังคุยอยู่นั้น ก็มีป้าท่านนึงเดินลงมาพอดี ก็ถามว่าเสียงอะไร ไม่เห็นได้ยินเลย เท่านั้นแหละจ้า มองหน้ากับพี่คนนั้นอัตโนมัติ

คือเสียงมันดังมากๆ วี้ดดดดด เสียงแหลมขนาดนั้น ไม่มีทางที่คนอื่นจะไม่ได้ยิน ใจแป้วเลยตอนนั้น จากนั้นก็ถามๆ กันดู ว่ามีใครได้ยินเสียงแบบนี้บ้าง จากเกือบ 20 คน มีได้ยินอยู่สัก 5-6 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กๆ ที่ได้ยินกัน

แม่ชีท่านก็เลยบอกว่าคงจะเป็นเปรตญาติๆ ของเรา เค้ามาขอส่วนบุญน่ะ ได้ยินแบบนั้นละกลัวเลย นอนไม่หลับ กลัวมากๆ จากนั้นวันถัดมา ดิฉันเดินกรรมฐานเสร็จก็แผ่เมตตาบุญกุศลให้เค้า

แต่ปีนี้ดิฉันยังไม่ได้ไปบวชเลยเพราะแม่ชีท่านเพิ่งเสียไปไม่กี่เดือนนี้ ก็ไม่มีคนดูแลฝั่งหญิง ตอนนี้ได้ยินข่าวว่า ไม่ค่อยมีคนไปบวชเลย เพราะแม่ชีท่านเพิ่งเสียด้วยแหละ ก็กลัวกันแหละเนาะ แต่ดิฉันก็เสียใจมากๆ ที่แม่ชีท่านเสียไปเร็วแบบนี้ ท่านเพิ่งจะอายุ 40 กลางๆ เอง

ป.ล. ที่ไปบวชก็คิดว่าสั่งสมบุญไว้ ช่วงนี้เรามีเวลาอยู่ในวัยเรียน ถ้าเข้าวัยทำงานแล้วคงหาเวลายาก

เรื่อง ผีเปรตหลังบ้าน

เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง เราเป็นคนขี้กลัวผีอยู่แล้ว เจอแบบนี้ยิ่งหลอนเลยค่ะ

เริ่มเรื่องเลยนะคะ ปกติเป็นที่ชอบสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนอยู่แล้วค่ะ ทำแบบนี้แทบทุกวันสวดมนต์ช่วง 3 ทุ่มกว่า สวดเสร็จก็ยังไม่นอนเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยตามประสาเราแล้วถึงจะนอน ช่วงนึงทำปกติแบบเดิมระหว่างที่นอนเล่นเกมส์ในห้อง เราได้ยินเสียงอะไรไม่รู้ค่ะคือมันเป็นเสียงเหมือนอะไรกรีดร้อง เสียงแหลมมากดัง

“วี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

เสียงลากยาว ช่วงนั้นก็ 4 ทุ่มนิดๆ บ้านเราเลี้ยงหมาตัวนึงมันชอบเห่าค่ะ ถ้าเราดุมันจะหยุดเห่า แต่หนนี้มันไม่หยุดและมันเห่าแบบน่ากลัวเหมือนมีอะไรบางอย่าง เราก็นึกว่ามีใครมาหน้าบ้านรึเปล่าออกไปดูก็ไม่มี แล้วหมาเรามันเห่าอะไรล่ะ?!!

เรางงมากตอนนั้น แต่ไม่ค่อยสนใจอะไรมากก็กลับมานอนต่อ เราได้ยินเสียงและเจอเหตุการณ์แบบนี้มา 5-6 รอบแล้ว ทุกครั้งก็มีเสียงวี๊ด ดังแบบเดิมตลอด จนมาวันนึงช่วงนั้นเรากำลังอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ ก็สวดมนต์ปกติ แล้วมาอ่านช่วงดึก 5 ทุ่มกว่า คราวนี่เสียงมันก็มาอีกดัง วี๊ดดดดดดดด หมาเราก็เห่าอีก เราก็ไปชะโงกหน้ามองว่ามีอะไร

บ้านเราเป็นบ้านไม้ยกสูง ด้านหลังเป็นป่าหญ้ารกๆ นิดนึง ถัดไปโรงงาน บรรยากาศเงียบแบบช่วงดึก มีแสงไฟถนนเหลืองๆ นวลส่องมาบ้าง เราก็มองตรงไป พยายามเพ่งมองจ้องว่ามันคืออะไร ปรากฏว่าสิ่งที่เราเห็นคือเป็นเงาอะไรไม่รู้สีดำมากสูงใหญ่ ทีเราเห็นช่วงขาสองข้างคือใหญ่มาก เรากลัวมากตอนนั้น นึกในใจไม่น่ามองไปเลย เจอแล้วไง แล้วเราก็รีบวิ่งเข้ามาในห้อง ตอนนั้นเข้านอนเลยเพราะกลัวมาก

เช้ามาเราเล่าให้คนในบ้านฟัง น้าเราคนนึงก็อึ้งมาก เขาบอกว่าเขาก็ได้ยินเหมือนกันเสียงวี๊ด ดังปวดแก้วหูมาก

พอวันถัดมาน้าเราพาเราไปทำบุญเลยค่ะ เราเล่าให้หลวงตาฟัง พระท่านเลยบอกว่าเขาเข้ามาไม่ได้หรอก เขาคงแค่มาขอส่วนบุญ ให้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขาไป เรื่องทั้งหมดก็มีประมาณนี้ค่ะ

ส่วนตัวเราเชื่อ 100% นะคะ ที่เรานำเรื่องนี้มาเล่า ไม่ได้อยากจะให้เชื่อนะคะว่าผีมีจริง แต่อยากให้เชื่อในเรื่องผลของการกระทำ กรรม และกฏแห่งกรรม ในเมื่อวันนี้เรายังมีโอกาสได้ทำความดี ทำบุญเสริมสร้างบารมี ก็ควรจะรีบทำ อย่ารอให้ถึงวันที่หมดลมหายใจ เพราะไม่มีใครรู้ว่าเราจะมีโอกาสได้เกิดมาชดใช้กรรมอีกหรือไม่

เรื่อง มาทวงดินคืน

ประมาณ 8 ปีที่แล้ว สมัยยังอยู่บ้านแฟนเก่าที่จังหวัดทางภาคอีสานตอนล่าง เป็นหมู่บ้านที่ไกลปืนเที่ยงพอสมควร ตอนนั้นลูกยังเล็กๆ อยู่ ยังไม่ขวบดีเท่าไหร่ วันนั้นวันพระใหญ่ ภาษาอีสานเรียก”บุญเดือนสิบ” วันนั้นตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ ลูกร้องไม่ยอมนอน ท้องก็ไม่อืด นมก็อิ่มจนไม่รู้จะอิ่มยังไง ปกติลูกไม่เคยงอแงเลย เลี้ยงง่าย ทั้งเราและแฟนก็งงกัน หาสาเหตุไม่ได้จริงๆ

ประมาณ 4 ทุ่ม คือไม่ไหวแล้ว จะพาลูกไปโรงพยาบาลแล้ว เลยบอกแฟนไปเตรียมรถ เราจะได้อุ้มลูกออกไป แฟนเลยออกไปถอยรถ ส่วนเรายังเก็บของไม่เสร็จ ยังไม่ออกจากบ้าน อยู่ๆ แฟนก็เดินมาบอก

“เธอๆ ฉันว่าฉันเห็นเปรต ออกไปดูเป็นเพื่อนหน่อย!”

โดยนิสัยแฟนเป็นคนชอบแกล้ง ก็เลยด่าไปว่าลูกไม่สบาย ยังจะมาเล่นอีก แต่เค้าก็ยืนยัน ว่าไม่ได้แกล้ง ออกไปดูหน่อย สุดท้ายเราเลยวางลูกลงเบาะในบ้าน เดินออกไปดู ดูซิ จะแกล้งอะไรอีก

พอไปดูเท่านั้นแหละ สิ่งที่เห็นคือ รูปร่างเหมือนคน ผอมจนเห็นซี่โครง สูงราวๆ ต้นตาล ไหล่กว้าง เอวคอด แขนยาวลีบ ใบมือใหญ่ๆ เหมือนใบตาลโบกไปมา ยืนอยู่บนที่ดินเปล่าๆ ข้างบ้านที่รั้วติดกัน มีเสียงที่พยายามเปล่งออกมาจากปากเล็กๆ เสียงดังกังวาน คล้ายเสียงห่าน แต่ดังกว่ามา เสียงยาวกว่ามาก เอิ๊งงงงงง…เอิ๊งงงงงง… เท่านั้นแหละค่ะท่านผู้ชม วิ่งป่าราบ เข้าบ้านล๊อคประตู! รีบอุ้มเจ้าตัวเล็กเข้าห้องพระทันที

พ่อกับแม่แฟนซึ่งหลับไปแล้ว ตื่นมาถามเพราะเห็นเอะอะโวยวายกัน พอเล่าให้ท่านฟัง แล้วลูกยังร้องอยู่ ท่านเลยเอาสายสิญจน์บนหิ้งพระมาผูกแขนให้เจ้าตัวเล็ก ไม่ถึง 10 นาที ร้องๆ อยู่ดีๆ สะอึ้น ฮึก ฮึก ไปสามที หลับเลย เป็นอันงงกันไป

สรุปวันนั้นก็นอนในห้องพระนั้นแหละค่ะ แต่ไม่หลับหรอก ตอนเช้ามาก็ยกขบวนกันไปวัด ให้หลวงปู่รดน้ำมนต์กันทั้งบ้าน ถามหลวงปู่ หลวงปู่บอกว่า “เขามาตามเอาดินเขาคืน”

คือที่ที่เราเจอเปรตเป็นที่ดินเปล่า พึ่งจะถมที่ไป เพื่อจะสร้างบ้าน ต้นไม้ซักต้นก็ไม่มี จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะตาฝาด ก็เล่นมาทั้งภาพและเสียงขนาดนั้น สืบไปสืบมา ดินที่เอามาถมที่ ร้านที่ขายดินไปขุดเอาอยู่กลางป่า กลางทุ่ง
ซึ่งขุดติดเอาหลุม ของพี่เปรตท่านนี้มาด้วยหรือไงไม่ทราบ พี่แกเลยมาทวง

ช่วงนั้นทั้งหมู่บ้าน กลางคืนจะได้ยินเสียงเปรตกันทั้งหมู่บ้าน เป็นอยู่ซักครึ่งเดือน โจษกันไปทั่ว สุดท้ายแล้วเจ้าของที่เลยทำบุญใหญ่ ให้พระมาสวด ขุดหน้าดินที่ถมใหม่ไปไว้ป่าช้า เหตุการณ์เลยสงบลง ไม่มีเสียงให้ได้ยินอีกต่อไป

ขอขอบคุณที่มา: คุณยายเล่าเรื่องเปรต | เมื่อฉันได้ยินเสียงเปรต | ผีเปรตหลังบ้าน | มาทวงดินคืน

admin