เรื่องผี วิญญาณพรานถ้ำ

เรื่องผี วิญญาณพรานถ้ำ

เรื่องผี วิญญาณพรานถ้ำ

เรื่องผี วิญญาณพรานถ้ำ ชีวิตผมอยู่ในป่าดงเสียเป็นส่วนใหญ่ ผมเบื่อสังคมเมือง หน่ายกับชีวิตที่มีแต่การแก่งแย่งแข่งขัน ผมออกจากงานย้ายเข้ามาทำไร่อยู่ในป่าท่ามกลางเสียงคัดค้านของพ่อแม่ เพื่อนฝูงบางคนบอกต่อหน้าผมว่า เอ็งอยู่ได้ไม่นานก็ต้องกลับกรุงเทพฯ คนเมืองติดแสงสีอย่างพวกเราทนเหงาไม่ไหวหรอก

เมื่อมาอยู่กลางทุ่งกลางป่าแบบนี้ หน้าคนยังแทบไม่มีให้เห็น เจ้าของไร่ใกล้ที่สุดก็อยู่กันคนละฟากภูเขา บางทีครึ่งค่อนเดือนผมยังไม่ได้เจอหน้าใครเลย

“แบบนี้คงไม่มีโอกาสมีเมีย” เพื่อนผมพูดขำๆ แต่ในใจผมมันเจ็บลึก เรื่องผู้หญิงก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมไม่อยากเจอหน้าผู้คน อดีตรักผมมันเจ็บนักถ้าไม่หนีมาอยู่ป่า บางทีผมคงได้ไปอยู่คุก

เอาเป็นว่าในที่สุดผมก็อยู่บ้านไร่ในดงมาได้หลายปี จากที่เคยอ่อนแอกลับกลายเป็นกร้านแกร่ง อยู่คนเดียวได้อย่างไม่เดือดร้อน นานๆ ทีก็เข้าเมือง จากที่เคยกินเหล้าแพงๆ ก็หันมากินเหล้าต้ม ขายกันเป็นแกลลอน ผมกินอยู่อย่างคนดง เลือกแบกปืนเข้าป่าง่ายกว่าขับรถไปจ่ายตลาด ชาวบ้านป่าอยู่กันยังไงผมก็อยู่ยังงั้น

ผมดูจะเป็นคนป่ายิ่งกว่าชาวบ้านท้องถิ่นเสียอีก เพราะถ้าว่างจากงานในไร่ ผมก็เข้าไปหลายๆ วัน ผมไม่ใช่พรานเก่งกาจอะไร แต่จะนอนอยู่บ้านก็น่าเบื่อ ไปเดินลุยป่าสนุกกว่าเยอะ ค่ำไหนนอนนั่นหากินเอาในป่า กินหยวกกินปลีกล้วย กินหน่อไม้ต่างข้าว ขอแค่มีเกลืออย่างเดียว พริกไม่มีก็พอทนไหว แต่ถ้าเกลือหมดเมื่อไรถึงมีข้าวมีเนื้อก็อยู่ไม่ได้เลยครับ ถ้านึกสภาพไม่ออก ลองทำกับข้าวโดยไม่มีเครื่องปรุงรสใดๆ กินสัก ๒-๓ มื้อแล้วจะรู้เอง

การเข้าป่าบ่อย ทำให้เจอเหตุการณ์แปลกประหลาดที่หาคำอธิบายไม่ได้หลายครั้ง บ่อยที่สุดก็คือได้ยินเสียงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน อาจจะเป็นเสียงสัตว์บางอย่างก็เป็นได้ แต่ที่แปลกและคิดว่าไม่ใช่เสียงสัตว์อย่างแน่นอนก็เจออยู่หลายหน เช่น เสียงเหมือนคนเดินตามหลัง พอหันไปดูก็ไม่เจออะไร เมื่อเดินต่อและตั้งใจฟังอยู่ก็ไม่มีเสียงผิดปกติ แต่สักพักก็ได้ยินอีก หันไปดูก็ไม่มีคนสักที แบบนี้ผมก็แผ่เมตตาให้ บอกเขาว่ามาเที่ยวป่าไม่ได้มารบกวน ทางใครทางมันก็แล้วกันนะ เสียงตามหลังก็หายไป

บางครั้งได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน พอหยุดเดินตั้งใจฟังก็ไม่ได้ยิน เสียงคนกู่ไกลๆ ก็ได้ยินหลายครั้ง อาจจะเป็นเสียงสัตว์หรือคนจริงๆ ก็ได้ เพราะในป่าก็มีพวกพรานเขามาล่าสัตว์กัน แรงสุดที่ผมเคยเจอก็คือได้ยินเสียงคนพูดใกล้ๆ เลยครับ เป็นเสียงผู้ชายถามว่า “ทำอะไร” ตอนนั้นผมกำลังยืนอยู่ริมลำธาร มองหาว่ามีปลาหรือเปล่า จู่ๆ ป่าก็เงียบสงัด แล้วได้ยินเสียงพูดชัดมาก หันไปดูทางต้นเสียงก็ไม่มีคน ผมตั้งสติพูดตอบไปว่า

“ยืนดูปลาครับ ถ้าหวงผมก็ไม่เอา ขอโทษที่มารบกวนนะครับ”

ผมยกมือไหว้แล้วรีบออกไปจากที่นั่นเลย ตอนหลังได้รู้จากพวกนายพรานว่าแถวนั้นเจ้าที่เขาแรง พรานรุ่นเก่าเจอเรื่องแปลกๆ กันบ่อย เลยไม่มีใครไปหาล่าแถวนั้นอีก

แบบที่เห็นเป็นภาพก็มี ครั้งแรกเลยคือเห็นคนเดินในป่า เป็นผู้ชายรูปร่างเล็ก โพกผ้าขาวม้าที่หัว เดินห่างจากผมสัก ๑๐๐ เมตร เห็นเขาโผล่ๆ หายๆ ผมก็คิดว่าเป็นชาวบ้าน เดินไปตามทางในป่าที่เป็นทางโล่ง ป่าไม่รกนัก มองเห็นได้ไม่ยาก มาแปลกใจเอาตรงที่เห็นเขาเดินอยู่แท้ๆ แต่พอเข้าทุ่งโล่ง เขากลับหายไปเฉยเลย มองหายังไงก็ไม่เจอ

ภาพอีกแบบที่เห็นหลายครั้งคือดวงไฟในป่าตอนกลางคืน ดวงสีขาวบ้าง เหลืองบ้าง ขนาดประมาณกำปั้นหรือใหญ่กว่านั้นนิดหน่อย ลอยเหนือยอดไม้ คล้ายๆ นกหรือแมลงบินไปมาช้าๆ ขึ้นๆ ลงๆ ผมมั่นใจว่าไม่ใช่ดาว แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร เคยจะลองยิงปืนใส่แต่ใจไม่กล้าพอ ในป่าแสงจะหลอกตาเราได้ง่าย บางคนเดินส่องสัตว์แล้วยิงดาวเพราะนึกว่าเป็นตาสัตว์ก็ยังเคยมีมาแล้ว เพราะภูมิประเทศที่เป็นเนินเป็นหุบเขามันหลอกตา

ผมเองก็เคยส่องไฟหากบตามริมน้ำ ไปเจอแสงสะท้อนตาสัตว์แวววาวไปหมดอยู่กันเงียบกริบไม่หนีคนด้วย โชคดีที่ไม่ยิง เพราะพอส่องไฟดูใกล้เข้าไปถึงได้เห็นว่าเป็นควายทั้งฝูงนอนอยู่ ไม่ใช่ควายป่าหรอกครับ แต่เป็นควายปละ คือควายที่เขาต้อนมาปล่อยให้มันหากินอยู่ในป่า พอโตก็ต้อนไปขาย เจ้าของอาจจะเฝ้าอยู่แถวๆ นั้น ถ้ายิงไปคงต้องเสียเงินชดใช้หลายหมื่น

มาถึงเหตุการณ์ที่หนักที่สุดที่เจอมานะครับ ผมเดินป่าไปในเส้นทางที่ห่างจากบ้านมาก เดินไปเกือบอาทิตย์ ผมเดินวันหนึ่งจะไปได้ไกลมาก เพื่อนผมที่เป็นนักกีฬาพอแบกสัมภาระขึ้นหลังแล้วยังเดินตามผมไม่ทันเลย การเดินในป่าต้องปีนป่ายมุดรก ลอดหนาม ลุยน้ำ หนทางก็มีทั้งหลุมทั้งเนินก้อนหิน เถาวัลย์ ต้นไม้ล้ม พงหนามขวางทาง แต่ผมก็เดินไม่เก่งเท่าพวกพรานชาวบ้าน เห็นพรานผอมๆ ตัวเล็กขาสั้นแต่เขาเดินกันเร็วมาก ก้มมุดลอดซุ้มไม้สบาย ผมเดินสำรวจเส้นทางใหม่ไปเรื่อยๆ เสบียงกับน้ำดื่มและของใช้จำเป็นต้องมีติตตัวไว้ตลอด

วันนั้นบ่ายแก่ ฟ้าครึ้มส่อแววว่าฝนจะตกหนัก ผมเร่งเดินหาทำเลที่พัก แล้วฝนก็โปรยลงมาบางๆ ผมจ้ำเดินต่อไม่ยอมหยุด เดินมาถึงชายเขาที่เป็นหน้าผาหิน ผมมองเห็นถ้ำก็วิ่งไปดูเผื่อได้หลบฝน ปกติถ้าฝนไม่ตกผมจะไม่พักในถ้ำ เนื่องจากถ้ำมักเป็นที่อยู่ของงู เสือ หมี หรืออย่างน้อยก็ตะขาบ แมงป่อง ถ้ำที่มีค้างคาวยิ่งไม่น่าพักเพราะสกปรกจากมูลค้างคาว อากาศก็อับชื้นหายใจลำบาก แต่ตอนนี้หลบฝนในถ้ำย่อมดีกว่านั่งคลุมผ้าใบเป็นไก่ป่วยอยู่ข้างนอก

ถ้ำนี้กว้างใหญ่ อากาศถ่ายเทดี ไม่มีร่องรอยของสัตว์ใหญ่อาศัยอยู่ มีก้อนหินใหญ่ระเกะระกะในบางช่วง เดินส่องไฟลึกเข้าไปสัก ๕๐ เมตร ก็เห็นว่าสุดทางที่จะไปต่อได้ ก้นถ้ำมีแค่ช่องโพรงแคบ ถ้าจะเข้าก็ต้องนอนเลื้อยมุดเข้าไป ไม่รู้ว่าข้างในจะลึกไปแค่ไหน ผมไม่ได้ใส่ใจเพราะต้องการแค่มาหลบฝนเท่านั้น

ภารกิจต่อไปคือรีบออกจากถ้ำก่อนฝนตกหนักเพื่อไปหาฟืนมาตุนไว้ ออกมาแถวหน้าถ้ำไม่ไกล ก็มีต้นไม้ยืนต้นตายที่จะตัดเอาไปทำฟืนได้มากพอจะสุมไฟได้ทั้งคืน ก่อไฟหุงข้าวกินกับเนื้อแห้งเสร็จ ผมก็งีบหลับไปท่ามกลางเสียงฝนโปรยไพร

ในป่าจะมืดเร็ว ผมลืมพกนาฬิกา พอหลับไปก็ไม่รู้เวลาที่แน่นอน หลับไปไม่นานก็มีบางอย่างทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา ผมหยิบไฟฉายส่องไปแล้วก็ต้องสะดุ้งเพราะเห็นคนมายืนอยู่หน้าถ้ำ ผมตกใจนึกอะไรไม่ออกรีบกดไฟฉายให้แสงส่องต่ำลงพื้น ไม่ให้ส่องไปใส่เขาแล้วก็พูดว่า

“หลบฝนเหมือนกันหรือครับ” เขายังยืนนิ่งอยู่ ผมก็บอกไปว่า “เข้ามาข้างในสิครับ” ตอนนั้นไฟในกองมันหรี่ลงมาก ผมสุมฟืนเข้าไปไฟก็เริ่มสว่าง และเห็นหน้าเขาชัดขึ้น เป็นผู้ชายอายุสัก ๕๐ กว่า ผมหงอกขาว แต่งตัวแบบชาวบ้านป่า สะพายปืนแก๊ปกระบอกยาวกับย่ามสีกระดำกระด่าง บอกยี่ห้อพรานป่าเต็มตัว ผมถามว่า “กินข้าวหรือยัง ข้าวผมมีนะ” แกก็ไม่ตอบอะไร เดินเข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามผม แต่ห่างกองไฟออกไป ผมเห็นแกไม่พูดไม่จา ผมก็เลยเงียบบ้าง

ผ่านไปนาน แกก็พูดขึ้นมาว่า “มาจากไหน” ผมก็ตอบแกไป พอถามว่าแกมาจากไหนบ้างแกบอก “แถวๆ นี้” ถามไปถามมาได้คำตอบไม่กี่คำ ชวนแกกินข้าวแกก็ส่ายหน้า สักพักแกก็ลุกไปทางมุมถ้ำด้านในลึกๆ แล้วล้มตัวลงนอนในซอกหินซะอย่างนั้น

แกเงียบไปคงจะหลับไปแล้ว แทนที่จะนอนใกล้กองไฟ ดันไปนอนทางก้นถ้ำ ไม่กลัวหนาวก็ควรจะกลัวงูเงี้ยวบ้าง ผมเจอพรานป่ามาก็มาก ไม่ยักเจอคนที่ดูไม่เป็นมิตรขนาดนี้ ผมยกไม้ท่อนใหญ่มาวางพาดกองไฟ ให้มันติดไฟคุไปทั้งคืน ผมล้มตัวลงนอนบ้าง แต่เพื่อความไม่ประมาท ปืนถูกวางข้างตัวอยู่ในท่าเตรียมพร้อมที่จะยกขึ้นมาใช้ได้ในทันที มีดอีเหน็บประจำตัวก็อยู่ในตำแหน่งที่จะคว้ามาใช้ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน

นอนหลับไปนาน รู้สึกตัวตื่นอีกทีเมื่อได้ยินเสียงลมฝนกระหน่ำหนัก ผมยัดไม้ฟืนเข้าสุมกองเป่าจนไฟติดดี เอามืออังไล่ความหนาว เหลือบมองไปทางลุงพรานป่าก็เห็นไม่ถนัด เห็นแค่เงาซอกหินที่แกนอนเลือนรางในมุมมืด

ในถ้ำตอนนี้เริ่มมีน้ำซึมลงมาตามผนัง เพดานถ้ำบางแห่งมีน้ำหยดเปาะแปะ ไม่รู้ทางก้นถ้ำที่ลุงนอนอยู่จะเปียกหรือเปล่า พื้นถ้ำน่าจะต่ำกว่า ทางที่ผมนอนแถวนี้ยังฉ่ำๆ เลย ทางแกน่าจะเปียกชุ่ม แล้วแกนอนอยู่ได้อย่างไร จะเดินไปดูก็ไม่ใช่เรื่อง เดี๋ยวแกระแวงยิงสวนตูมขึ้นมาผมก็ตายเปล่า แกนอนไม่สนใจฟ้าฝนเอาเสียเลย

ผมนอนไม่หลับแล้ว พื้นชักเปียก หนาวด้วย ผมยกหม้อขึ้นมาต้มน้ำร้อน แกล้งทำเสียงโคร้งเคร้งให้แกหนวกหูจะได้ตื่นมาพูดจากันมั่ง ต้มน้ำจนเดือดซดหมดไปถ้วยนึ่งลุงก็ยังเงียบอยู่ แกเป็นอะไรไปหรือเปล่าหว่า ผมอดทนไม่ไหว ลุกขึ้นเดินไปทางก้นถ้ำ ส่งเสียงเรียกนำไปก่อนว่า

“ลุงๆๆ”

…เงียบ ไม่มีเสียงขานรับ เดินใกล้เข้าไปอีก เรียกใหม่ว่า

“ลุง กินน้ำร้อนไหม นอนไม่หนาวหรือ”

…เงียบ ผมชักใจไม่ดี คราวนี้เรียกดังๆ เลย

“ลุง! เป็นอะไรหรือเปล่า ผมจะเดินเข้าไปนะ อย่ายิงล่ะ”

…ไม่มีเสียงตอบ ผมชะเง้อมองไปตรงมุมที่แกนอนก็มองไม่ถนัด มันมืด ผมบอกอีกว่า

“ลุง…ผมจะฉายไฟนะ”

แกไม่ตอบ ผมก็ฉายไฟส่องไปมุมที่แกนอน แต่ไม่มีคน ผมส่องไฟกวาดหาตรงมุมอื่นก็ไม่เห็น แกหายไปไหน? ในใจผมตั้งคำถามพร้อมๆ กับรู้สึกเย็นวาบที่กลางหลัง ขนลุกซู่ไปทั้งตัว เอาแล้วไง ลุงเล่นกูแล้ว?!!

อาการหวาดกลัวเกิดขึ้นมาเสียเดี๋ยวนั้น ผมนั่งสวดมนต์แผ่เมตตาสงบจิตใจให้นิ่ง ลมฝนข้างนอกก็เบาไปแล้ว ถ้าฟ้าสว่างฝนหยุดเมื่อไร เดินทางออกไปคงมุ่งเข็มกลับบ้าน ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์คุณลุงหายตัวปริศนา ผมคงเดินหน้าสำรวจไปต่ออีกวันสองวันค่อยเดินทางกลับ

รุ่งเช้าฟ้าสาง ฝนหยุดเกิดไอหมอกขาวไปทั่วป่า เก็บของเรียบร้อยผมเตรียมออกเดินทาง แล้วก็นึกอยากให้หายสงสัยขึ้นมา ผมเดินไปทางก้นถ้ำ ตั้งใจว่าต้องส่องไฟฉายดูให้ทั่ว พอส่องไปถึงซอกหินที่ลุงนอนเมื่อคืนเท่านั้นแหละ ผมก็มั่นใจเต็มร้อย ว่าลุงพรานเมื่อคืนหายไปไหน

ตรงซอกหินนั้น มีโครงกระดูกเก่าจนเสื้อผ้าเปื่อยผุ เศษกระดูกกระจัดกระจายคล้ายรอยสัตว์กัดแทะ หัวกะโหลกอยู่ทางไหนมองไม่เห็น แต่สิ่งที่ยืนยันว่าเป็นกระดูกคนแน่ก็คือ มีปืนแก๊ปกระบอกยาวสนิมเขรอะเกรอะกรังอยู่ในซอกหิน ผมมั่นใจว่า ใช่กระบอกเดียวกับที่เห็นลุงสะพายอยู่เมื่อคืน…

ขอขอบคุณที่มา: เรื่องลี้ลับ ตำนาน ประวัติศาสตร์

admin