เรื่องผี บ้านร้างรามคำแหง32

เรื่องผี บ้านร้างรามคำแหง32

เรื่องผี บ้านร้างรามคำแหง32

เรื่องผี บ้านร้างรามคำแหง32 รามคำแหงเป็นเป็นถนนอีกสายหนึ่งในกรุงเทพฯซึ่งมีชื่อโด่งดังเรื่องรถติดเป็นอันดับต้นๆแม้จะเป็นย่านที่มีคนเดินกันขวักไขว่ตลอด24ชั่วโมงทว่าฉากหน้าที่มีความอลหม่านอีกทั้งยังสว่างไสวไปด้วยแสงไฟฟ้าริมทางกับทั้งสรรพอาคารร้านค้าที่เรียงรายซับซ้อนกับมีฉากหลังที่น่าสะพรึงและมืดทมิฬเป็นมิติที่ทับซ้อนของมนุษย์และวิญญาณวิญญาณที่สิงสถิตที่บ้านร้างในซอยรามคำแหง32

ย้อนไปเมื่อ30ปีก่อนคงไม่มีวัยรุ่นในกรุงเทพฯหรือปริมณฑลคนไหนที่ชอบลองของด้วยการทัวร์บ้านร้างจะไม่รู้จักบ้านหลังนี้บ้านร้างซอยรามคำแหง32เป็นแน่ ร่ำลือกันว่าหากจะจัดอันดับความหลอนด้วยคะแนนเต็ม5กะโหลกแล้วละก็บ้านหลังนี้คงไม่ต่ำระดับ4กะโหลกอย่างไม่ต้องสงสัยจากถนนใหญ่เดินลึกเข้าไปใน.ซอยเลียบเรียดไปตามถนนเส้นเล็กๆลัดเลาะตรอกเล็กตรอกน้อยไปจนสุดทางจะพบบ้านหลังใหญ่ทรงยุโรปถูกทิ้งร้างปกคลุมด้วยเถาวัลย์และต้นไม้ใหญ่ที่โอบพันธนาการบังตัวบ้านไว้คาดคะเนจากสายตาน่าจะร้างมานานเกิน20กว่าปี(กว่า20หมายถึงนั่นคือนับย้อนหลังจากที่ผมเคยได้ผ่านไปเมื่อปี2540ด้วยทำเลของตัวบ้านตั้งอยู่อย่างโดดเดียวและลึกเข้าไปในซอยประกอบกับซอยที่ตัดจากซอยหลักเข้าสู้ตัวบ้านหลังนั้นสองข้างทางยังขนาบด้วยป่าละเมาะสลับกับต้นไม้สูงใหญ่รกครื้มเรียงรายกันไปตลอดจนถึงตัวบ้านทำให้บรรยากาศดูยะเยือกวังเวงแม้จะเป็นในตอนกลางวันก็ตามที

อ่านเรื่อง เรื่องผี คอนโดย่านลาดพร้าว

แม้ปัจจุบันพื้นที่แถวนั้นและตัวบ้านจะถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปจนไม่เหลือเค้าเดิมและความน่ากลัวแล้วก็ตามแต่เรื่องราวของบ้านหลังนี้ก็คงยังถูกพูดถึงอยู่บ้างตามโอกาสแม้วันนี้มันจะเป็นเพียงตำนานไปแล้วก็ตามเล่ากันว่าย้อนหลังไปเมื่อหลายสิบปีก่อนก่อนที่ถนนสายนี้จะมีผู้คนมากมายนั้นบ้านหลังนี้เป็นของชาวต่างชาติคนหนึ่งที่ตัดสินใจมาใช้ชีวิตที่เมื่องไทยเป็นคนปลูกไว้มันเป็นบ้านที่สวยมากและช่วงแรกหลังจากเจ้าของย้ายเข้าไปอยู่ทุกอย่างก็ราบรื่นเรียบร้อยดีเจ้าของบ้านได้ว่าจ้างแม่บ้านคนหนึ่งให้เป็นผู้คอยดูแลทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถูและเวลาที่เขาไม่อยู่หรือต้องไปทำธุระนานๆหลายวันก็ให้แม่บ้านเป็นผู้พิทักษ์ทรัพย์สินของเขาดั่งเธอเป็นเจ้าของเองเรื่องราวความสยองต่างๆมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อตอนที่ เมื่อตอนเจ้าของต้องกลับไปยังแผ่นดินเกิดเพื่อทำธุระส่วนตัวประมาณ1อาทิตย์โดยให้แม่บ้านเป็นผู้ดูแลบ้านอยู่เพียงลำพังและแล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อมีกลุ่มโจรบุกเข้าปล้นและสังหารแม่บ้านแล้วหมกศพไว้ในห้องใต้ดินโดยไม่มีใครรู้กระทั่งฝรั่งเจ้าของบ้านกลับมาพอเปิดประตูบ้านเท่านั้นเขาถึงกับหน้าถอดสีเพราะทรัพย์สินถูกริ้อค้นกระจัดกระจายและของมีค่าหายไปหลายรายการในนาทีแรกเขาเข้าใจว่าคงเป็นฝีมือของแม่บ้านแน่ๆเขาคิดว่าทำไมเธอถึงทำกับเขาได้ทั้งๆที่เขาไว้ใจเธอมาก

ทำไมเธอถึงไม่คิดถึงบุญคุณที่เขาเลี้ยงเธอไว้แต่เขาไม่รู้ว่าจะไปต้องไปตามตัวเธอที่ไหนป่านนี้เธอคงเผ่งหนีกลับบ้านนอกไปแล้วในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็ได้กลิ่นเน่าเหม็นเหมือนซากสัตว์ที่ตายมาแล้วหลายวันฟุ้งรอบบริเวณบ้านเลยเดินสำรวจรอบบ้านเพื่อหาต้นต่อแต่กลับไม่พบเห็นซากสัตว์หรือสิ่งผิดปกติอื่นแต่อย่างใดเขาเดินสำรวจหาต้นต่อของกลิ่นเหม็นนั้นจนรอบบ้านอีกครั้งและแล้วกลิ่นนั้นก็เริ่มชัดมากขึ้นเขาค่อยๆเดินตามกลิ่นนั้นไปถึงรู้ว่ากลิ่นมันมาจากห้องใต้ดินเพียงเขาแค่แง้มประตูกลิ่นก็โพยพุงออกมาอบอวลไปทั่วบ้านยกระดับความเหม็นเน่ายิ่งขึ้นพอกดสวิตซ์ไฟตรงประตูห้องเพื่อดูว่ามันเป็นกลิ่นอะไรแน่เขาถึงผงะกับภาพที่เห็นภาพแม่บ้านที่เขาเข้าใจว่าเป็นคนลักของแล้วหนีไปแท้จริงแล้วเธอเป็นศพเน่าอืดอยู่ในห้องใต้ดินในบ้านนั่นเอง หลังจากแจ้งเจ้าหน้าที่บ้านเมืองแล้วเขาก็รับเป็นเจ้าภาพเรื่องการจัดงานศพตามความเชื่อทางศาสนาให้กับแม่บ้านทุกอย่างผ่านไปด้วยดีกระทั่งหลังจากเสร็จสิ้นงานศพไปได้ไม่นานนักก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นอีกคราวนี้ฝรั่งเจ้าของบ้านถึงกับจิตหลอนเมื่อทุกคืนกลางดึกสงัดเขาก็มักจะได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้และเขาจำได้ดีว่าเสียงนั้นมันเป็นเสียงของแม่บ้านที่เพิ่มจากไปทั้งยังได้กลิ่นเหม็นเน่าของซากศพคละคลุ้มตลบไปทั้งบ้านมันเป็นอย่างนี้ทุกคืนจนสุดท้ายเขาทนเรื่องน่ากลัวพวกนี้ไม่ไหวจนต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นและประกาศชายบ้านหลังนั้นแต่ก็ขายไม่เคยมีใครมาซื้อเลย

อ่านเรื่อง เรื่องผี ทาวน์เฮาส์หลอนฝั่งธน

จนเวลาล่วงเลยไป10ปีบ้านหลังนั้นก็รกร้างในที่สุด จากนั้นเรื่องราวความเอี้ยนของบ้านหลังนี้ก็เริ่มเป็นที่ร่ำลือและถูกเล่าต่อๆกันไปจนขจรขจายไปไกลนอกจากเจ้าของบ้านแล้วคนที่เคยเจอความเอี้ยนของบ้านร้างหลังนี้ก็คือลุงส่งแท็กซี่กะดึกที่ได้มีโอกาสพบกับลูกค้ารายพิเศษและจะเป็นลูกค้าที่แกจะไม่มีวันลืมลุงส่งเล่าว่าเมื่อก่อนคนทึ่ผ่านมาแถวนี้น้อยมากเพราะมันเปลี่ยวเปลี่ยวเสียจนไม่มีแท็กซี่คันไหนกล้าเข้ามายิ่งถ้าเป็นดึกๆดื่นๆแล้วต่อให้จ้างแพงแค่ไหน(ในยุคนั้นแท็กซี่ยังไม่เป็นแท็กซี่มิเตอร์เช่นทุกวันนี้)ก็ไม่กล้าเข้ากลัวโดนจี้แต่อยู่มาวันหนึ่งขณะที่ลุงส่งกำลังวิ่งรถวนหาผู้โดยสารอยู่บนถนนสายนั้นแกเกิดปวดท้องเบาขึ้นมากระทันหันจะแวะปั้มที่ไหนก็ไม่ได้เพราะเมื่อก่อนปั้มยังไม่ผุดเหมือนดอกเห็ดอย่างทุกวันนี้เลยจำต้องตัดสินใจแวะเข้าซอยเพื่อหาจุดเหมาะๆในการปลดทุกข์แต่ครั้นจะเอาใกล้ปากซอยคนก็พลุกพล่านเกินไปแกก็เลยเลือกที่จะขับลึกเข้าไปอีกเพื่อให้พ้นจากสายตาผู้คน หลังจากเสร็จกิจและกำลังสตาร์ทรถแกเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนกวักมือเรียกอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่บ้านทั้งหลังเปิดไฟสว่างไสวแสงไฟทำให้ลุงส่งเห็นชัดว่าคนที่เรียกเป็นหญิงสาวอายุไม่เกิน30ปีผมสั้นแต่งตัวธรรดาๆลุงส่งคิดว่าเธอคงเป็นคนในบ้านหลังนั้นที่กำลังออกไปทำธุระข้างนอกเห็นแท็กซี่ของลุงส่งที่จอดอยู่ไม่ไกลก็เลยถือโอกาสเรียกเสียเลยกระมังในใจของลุงส่งคิดว่าตัวเองโชคดีจริงๆคืนนี้แค่มายิงกระต่ายก็ได้ผู้โดยสารแล้วขับวนบนถนนตั้งหายรอบกลับไม่มีคนเรียกเลยว่าแล้วแกก็ขับเคลื่อนเข้าไปใกล้ๆเพื่อรับผู้โดยสารคนพิเศษแต่พอกำลังจะถึงหน้าบ้านไฟที่เมื่อกี่นาทีก่อนยังสว่างไสวก็ดับพรึ่บลงในทันใดผู้หญิงที่เคยยืนเรียกก็หายไปต่อหน้าต่อตาตอนนั้นทุกอย่างรอบตัวมืดสนิทมีเพียงแสงไฟหน้ารถแท็กซี่ของแกเท่านั้นที่ส่องนำทางไปถึงหน้าบ้านหลังใหญ่หลังนั้น

ลุงส่งค่อยๆเหยียบคันเร่งเคลื่อนรถไปจนถึงหน้าบ้านสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาแกก็คือบ้านหลังที่เแกห็นเมื่อกี้กับสภาพตอนนี้ช่างต่างกันเสียเหลือเกินเพราะตอนนี้มันคือบ้านร้างและที่สำคัญสภาพที่เห็นไม่น่าจะมีใครมาอาศัยได้และคงไม่มีใครอยู่นานมากแล้วเพราะมันรกากรอบบ้านมีทั้งกิ่งไม้เถาวัลย์พันเกี่ยวเต็มไปหมดลุงส่งเริ่มรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันทีและแกไม่อยากรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นหายไปไหนเพราะด้วยสัญชาตญาณแกรู้แล้วว่าตัวเองกำลังเจอกับอะไรว่าแล้วแกก็กลับรถอย่างรวดเร็วแล้วออกโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลยและนี่ก็เป็นอีกครั้งที่วิญญาณเอี้ยนสิงอยู่ในบ้านหลังนี้ออกมาปรากฏตัวให้คนเห็น

จากนั้นมาอีกไม่นานโชคชะตาก็ได้นำพาผัวเมียซึ่งเป็นคนงานก่อสร้างคู่หนึ่งที่มาทำงานแถวๆนั้นให้มารับรู้และสัมผัสกับตำนานของบ้านหลังนี้ด้วยความที่บ้านถูกทิ้งร้างมานานทำให้มีทั้งวัชพืชและผักประเภทไม้เลื้อยเช่นตำลึงฟักแฟงแตงร้านขึ้นอุดมสมบูรณ์ไม่เฉพาะบริเวณบ้านเท่านั้นยังรวมถึงตั้งแต่เริ่มเข้าถนนเล็กๆมาสองข้างทางป่าละเมาะยังมีผักบุ้งอีกมากมายบ่ายวันหนึ่งคู่ชีวิตผู้ใช่แรงงานเมื่อเว้นจากการกรำงานหนักมาทั้งสัปดาห์ก็ถึงเวลาพักผ่อนเสียที่เมียจึงชวนผัวไปหาเก็บผักซึ่งอาจมีชุกชุมแถวที่มีดงรกข้างบ้านหลังร้างหลังใหญ่ก็เป็นได้ ทั้งคู่ตระเวนเก็บผักมาเรื่อยตั้งแต่ตรงหน้าซอยย่อยที่แยกจากซอยใหญ่ที่จะเข้าบ้านหลังนี้พวกเขาได้ทั้งผักบุ้งผักกระเฉดฟักและผักชนิดอื่นอีกนานาพันธุ์กระทั่งเดินลัดเลาะจนเกือบถึงบริเวณบ้านทรงยุโรปร้างฝ่ายผัวหันไปบอกกับเมียว่าเดียวจะไปดูแถวบ้านหลังนั้นเสียหน่อยน่าจะมีผักให้เก็บอีกเยอะผ่านไปสักครู่ใหญ่ฝ่ายผัวก็วิ่งตะลีตะลานตะโกนเรียกเมียมาแต่ไกลท่าทางตื่นตกใจเหมือนไปเห็นอะไรมา”มีอะไรพี่เรียกเสียงดังเชี่ยว”เมียถามหลังจากเว้นระยะไปครู่หนึ่งเพื่อให้ผู้ผัวหายเหนื่อยหลังจากกระหืดกระหอบจากการวิ่งด้วยความเร็วหลังจากหายใจคล่องขึ้นผู้ผัวจึงเริ่มเล่าให้เมียฟังว่าพอมาถึงบ้านหลังนี้เขาก็ไปเห็นว่าด้านหลังมีทั้งฟักแฟงแตงร้านตำลึงชุกชุมมากเลยเข้าไปเก็บสักพักหนึ่ง

อ่านเรื่อง เรื่องผี บ้านหลังนี้เคยมีคนตาย

ระหว่างที่เขากำลังเก็บผักอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงผู้หญิงอยู่ในบ้านตะโกนออกมาว่า”ให้เก็บไปเยอะๆเลยจะได้มีกินหลายวันไม่ต้องไปซื้อเขากินชาวบ้านแถวนี้เขาไม่มาเก็บหรอก”ได้ยินดังนี้เขาเลยหันไปดูต้นเสียงก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่บนชั้น2ของบ้านแล้วเขาก็ยกมือไหว้ขอบคุณเธอจากระยะไกลแล้วเลยลุยเก็บผักต่อจนได้เต็มกระสอบปุ๋ยเห็นว่าผักพวกนี้ยังเหลืออีกเยอะปล่อยทิ้งไว้ก็เป็นอาหารมดแมงเปล่าๆเลยว่าจะไปเรียกเมียมาช่วยกันเก็บ ระหว่างกำลังจะเดินไปเรียกเมียก็เลยอยากไปขอบคุณเจ้าของบ้านผู้ใจดีอีกเสียหน่อยแต่เมื่อมองเข้าไปภายในกลับเป็นบ้านร้างที่ไร้คนอาศัยทั้งกำแพงผนังขื่อคานชำรุดทรุดโทรมจนไม่น่าจะมีคนอาศัยอยู่ได้แล้วผู้หญิงที่เขาเห็นคือใคร?

พอคิดมาถึงตรงนี้ขนก็เริ่มลุกช้าๆไล่ไต่ระดับจากหลังยันหัวจนต้องโกยอ้าวใส่เกียร์หมาวิ่งกลับมาเล่าให้เมียฟังและจากนั้นทั้งคู่ก็ไม่เคยเข้าไปยุ่มย่ามแถวนั่นอีกเลยจริงๆทั้งพวกเขาก็ได้เล่าเรื่องที่เจอมาให้คนงานคนอื่นๆฟังเพื่อเตือนว่าอย่าไปใกล้บ้านหลังนั้นไม่เช่นนั้นอาจเจออย่างที่หวกเขาได้เจอมาแล้วเรื่องชองสองผัวเมียก็ยิ่งเป็นการการันตีถึงความเอี้ยนของบ้านหลังนี้และเรื่องนี้ก็กระจาบทั่วไปจนมีคนอยากรู้อยากลองแวะเวียนเข้าออกเพื่อพิสูจน์เสียงร่ำลือและความหลอนอย่างไม่ขาดสายอย่างไรก็ตามปัจจุบันบ้านหลังนี้ถูกนักลงทุนเจ้าของที่รายใหม่ทุบไปแล้วเพื่อปรับภูมิทัศน์และปรับพื้นที่โดยรอบเสียใหม่เมื่อไม่กี่ปีเคยเห็นบ้านหลังนั้นเหลือเพียงเศษซากของหินอิฐปูนเป็นปรักหักพังกองเป็นพะเนินให้เห็นแทนเรียกว่าเป็นการสิ้นสุดเรื่องราวของบ้านร้างสุดเอี้ยนให้เหลือเพียงตำนานที่คนรุ่นหลังได้เล่าสืบกันต่อไป(ปัจจุบันนี้ที่ซอยรามคำแหง32ตรงที่เคยเป็นบ้านร้างตอนนี้ไม่ทราบกลายเป็นตึกอะไร

admin